ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (13 ส.ค.) โดยดอลลาร์ถูกกดดันหลังจากที่มีการเปิดเผยผลสำรวจบ่งชี้ว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐลดลงเกินคาด
ดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.55% แตะที่ 92.5195 เมื่อคืนนี้
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 109.58 เยน จากระดับ 110.46 เยน, อ่อนค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิสที่ระดับ 0.9152 ฟรังก์ จากระดับ 0.9239 ฟรังก์ และอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดาที่ระดับ 1.2517 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.2527 ดอลลาร์แคนาดา
ยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.1794 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1729 ดอลลาร์, เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 1.3868 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3800 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นแตะที่ระดับ 0.7373 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7332 ดอลลาร์สหรัฐ
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงโดยถูกกดดันจากการที่มหาวิทยาลัยมิชิแกนเปิดเผยผลสำรวจในวันศุกร์ระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐร่วงลงสู่ระดับ 70.2 ในเดือนส.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2554 จากระดับ 81.2 ในเดือนก.ค. และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าอาจจะทรงตัวที่ระดับ 81.2 โดยการแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตาส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภค
ทั้งนี้ บรรดานักลงทุนในตลาดเงินนิวยอร์กจะจับตาการประชุมประจำปีของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่เมืองแจ็กสัน โฮล รัฐไวโอมิงในวันที่ 26-28 ส.ค.นี้ โดยคาดว่า เฟดจะส่งสัญญาณที่ชัดเจนมากขึ้นเกี่ยวกับทิศทางอัตราดอกเบี้ย รวมทั้งแนวโน้มการปรับลดวงเงินในการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ในการประชุมดังกล่าว