ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโรและปอนด์ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (16 ส.ค.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงเข้าซื้อดอลลาร์ในฐานะสกุลเงินปลอดภัย ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจ รวมทั้งวุ่นวายทางการเมืองในอัฟกานิสถาน, การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา และการที่จีนคุมเข้มกฎระเบียบในบริษัทกลุ่มเทคโนโลยี
ดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.54% แตะที่ 93.1253 เมื่อคืนนี้
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 109.56 เยน จากระดับ 109.22 เยน และแข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9148 ฟรังก์ จากระดับ 0.9122 ฟรังก์ นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐยังแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.2624 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.2571 ดอลลาร์แคนาดา
ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1710 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1775 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 1.3735 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3838 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงสู่ระดับ 0.7251 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7335 ดอลลาร์สหรัฐ
ความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์เศรษฐกิจและการเมืองยังคงเป็นแรงผลักดันให้นักลงทุนเข้าซื้อดอลลาร์ในฐานะสกุลเงินปลอดภัย โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยเมื่อคืนนี้ว่า ยอดค้าปลีกเดือนก.ค.ร่วงลง 1.1% ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงเพียง 0.3%
ทางด้านสมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB) ของสหรัฐระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้สร้างบ้านลดลง 5 จุด สู่ระดับ 75 ในเดือนส.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.ค.2563 โดยมีสาเหตุจากสต็อกบ้านที่มีจำกัด การขาดแคลนแรงงาน รวมทั้งการพุ่งขึ้นของราคาบ้าน และต้นทุนในการก่อสร้าง
นอกจากนี้ นักลงทุนยังวิตกกังวลหลังมีรายงานข่าวว่า สำนักงานบริหารจัดการกฎระเบียบตลาดแห่งรัฐ (State Administration for Market Regulation - SAMR) ของจีนได้เปิดเผยร่างกฎระเบียบสำหรับอุตสาหกรรมอินเทอร์เน็ตในวันนี้ โดยครอบคลุมถึงคำสั่งห้ามทำการแข่งขันที่ไม่ยุติธรรม และกำหนดข้อบังคับในการใช้ข้อมูลอย่างเข้มงวด ซึ่งถือเป็นมาตรการควบคุมล่าสุดที่จีนจะนำมาบังคับใช้กับบริษัทเทคโนโลยี
นักลงทุนจับตาการเปิดเผยรายงานการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประจำเดือนก.ค.ในวันนี้ รวมทั้งการประชุมประจำปีของเฟดที่เมืองแจ็กสัน โฮล รัฐไวโอมิง ในวันที่ 26-28 ส.ค. โดยคาดว่าเฟดจะส่งสัญญาณที่ชัดเจนมากขึ้นเกี่ยวกับทิศทางอัตราดอกเบี้ย รวมทั้งแนวโน้มการปรับลดวงเงิน QE ในการประชุมดังกล่าว
นอกจากนี้ นักลงทุนยังรอดูข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐในสัปดาห์นี้ด้วย ซึ่งรวมถึงตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนก.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และดัชนีการผลิตเดือนส.ค.จากเฟดฟิลาเดลเฟีย