ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (23 ก.ย.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายดอลลาร์ในฐานะสกุลเงินปลอดภัย และหันเข้าซื้อสินทรัพย์เสี่ยง หลังคลายความกังวลเกี่ยวกับการผิดนัดชำระหนี้ของไชน่า เอเวอร์แกรนด์ กรุ๊ป ซึ่งเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ใหญ่อันดับ 2 ของจีน
ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.47% สู่ระดับ 93.0335 เมื่อคืนนี้
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9234 ฟรังก์ จากระดับ 0.9268 ฟรังก์ และอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.2648 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.2780 ดอลลาร์แคนาดา แต่เมื่อเทียบกับเงินเยน ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 110.23 เยน จากระดับ 109.85 เยน
ยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1747 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1691 ดอลลาร์ ส่วนเงินปอนด์แข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 1.3732 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3613 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 0.7308 ดอลลาร์ จากระดับ 0.7239 ดอลลาร์
นักลงทุนเทขายดอลลาร์ซึ่งเป็นสกุลเงินปลอดภัย หลังคลายความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ของเอเวอร์แกรนด์ ภายหลังจากที่ธนาคารกลางจีนอัดฉีดสภาพคล่องจำนวน 1.10 แสนล้านหยวน (1.7 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) เมื่อวานนี้ ซึ่งเป็นจำนวนเงินมากที่สุดในรอบ 8 เดือน หลังจากที่ได้อัดฉีดเงินไปแล้วจำนวนหนึ่งในช่วงสุดสัปดาห์ที่แล้ว โดยมีเป้าหมายที่จะหลีกเลี่ยงภาวะสภาพคล่องตึงตัวในระบบหลังจากบริษัทเอเวอร์แกรนด์ประสบปัญหาสภาพคล่องลดลงและมีความเสี่ยงที่จะผิดนัดชำระหนี้
ทางด้านนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟดได้แสดงความเชื่อมั่นว่า การผิดนัดชำระหนี้ของเอเวอร์แกรนด์จะไม่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อเศรษฐกิจสหรัฐ และกล่าวว่าการผิดนัดชำระหนี้ของภาคเอกชนสหรัฐอยู่ในระดับที่ต่ำ
นอกจากนี้ ดอลลาร์ยังได้รับปัจจัยลบจากข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของสหรัฐ โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 16,000 ราย สู่ระดับ 351,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 1 เดือน และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 320,000 ราย
ทางด้านไอเอชเอส มาร์กิต ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการข้อมูลทางการเงิน เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิตและภาคบริการเบื้องต้นของสหรัฐ ปรับตัวลงสู่ระดับ 54.5 ในเดือนก.ย. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 1 ปี จากระดับ 55.4 ในเดือนส.ค.