ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ปรับตัวขึ้นเป็นวันที่ 4 ติดต่อกัน แตะระดับสูงสุดในรอบ 10 เดือนครึ่งในวันนี้ โดยได้แรงหนุนจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) และปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้
ณ เวลา 23.34 น.ตามเวลาไทย ดอลลาร์แข็งค่า 0.34% สู่ระดับ 111.88 เยน ขณะที่ยูโรปรับตัวลง 0.31% สู่ระดับ 129.84 เยน และร่วงลง 0.62% สู่ระดับ 1.161 ดอลลาร์ ส่วนดัชนีดอลลาร์ บวก 0.58% สู่ระดับ 94.31 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย.2563
ในการประชุมกำหนดนโยบายการเงินในเดือนก.ย. เฟดส่งสัญญาณปรับลดวงเงิน QE และปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าคาดถึง 1 ปี ส่งผลให้ขณะนี้นักลงทุนคาดว่าเฟดจะปรับลด QE ภายในสิ้นปีนี้ และจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงครึ่งหลังของปีหน้า
นอกจากนี้ นักลงทุนจับตาสภาคองเกรสในการผ่านร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราวและการเพิ่มเพดานหนี้สหรัฐ
นายชัค ชูเมอร์ ผู้นำเสียงข้างมากในวุฒิสภาสหรัฐ กล่าวว่า วุฒิสภาจะทำการลงมติในวันนี้ต่อร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราว เพื่อสนับสนุนหน่วยงานของรัฐบาลกลางสหรัฐให้มีงบประมาณใช้จ่ายจนถึงวันที่ 3 ธ.ค. เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้หน่วยงานเหล่านี้ต้องถูกปิดการดำเนินงาน
"เราสามารถอนุมัติร่างกฎหมายดังกล่าวได้อย่างรวดเร็ว และส่งไปยังสภาผู้แทนราษฎรเพื่อให้ถึงโต๊ะท่านประธานาธิบดีก่อนที่จะสิ้นสุดปีงบประมาณในช่วงเที่ยงคืนวันพรุ่งนี้" นายชูเมอร์กล่าว
ร่างกฎหมายดังกล่าวจำเป็นต้องได้รับการเสียงสนับสนุนอย่างเป็นเอกฉันท์จากวุฒิสมาชิกทั้ง 100 คน
นอกจากนี้ ร่างกฎหมายดังกล่าวยังรวมถึงการให้เงินเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากพายุเฮอริเคน และการช่วยเหลือผู้ลี้ภัยจากอัฟกานิสถาน
อย่างไรก็ดี ร่างกฎหมายฉบับนี้ไม่รวมถึงการเพิ่มเพดานหนี้ของสหรัฐ หลังการเจรจาประนีประนอมระหว่างแกนนำของพรรคเดโมแครตและรีพับลิกัน โดยประเด็นการเพิ่มเพดานหนี้จะมีการหารือเพื่อบรรลุข้อตกลงกันหลังจากนี้
ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 21 ก.ย.ที่ผ่านมา สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐมีมติอนุมัติร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราวเพื่อสนับสนุนหน่วยงานของรัฐบาลกลางสหรัฐให้มีงบประมาณใช้จ่ายไปจนถึงวันที่ 3 ธ.ค. และหลีกเลี่ยงไม่ให้หน่วยงานเหล่านี้ต้องถูกปิดการดำเนินงาน รวมทั้งยกเลิกเพดานหนี้ของสหรัฐไปจนถึงสิ้นปี 2565
อย่างไรก็ดี วุฒิสมาชิกสังกัดพรรครีพับลิกันได้ขัดขวางร่างกฎหมายดังกล่าว ซึ่งนำไปสู่การแยกร่างกฎหมายดังกล่าวออกเป็น 2 ฉบับ สำหรับการออกงบประมาณชั่วคราวเพื่อเลี่ยงชัตดาวน์จนถึงวันที่ 3 ธ.ค. และการเพิ่มเพดานหนี้ของสหรัฐ
นางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ กล่าวเตือนว่า สภาคองเกรสมีเวลาไม่ถึง 3 สัปดาห์ในการพิจารณาเรื่องการขยายเพดานหนี้ และหลีกเลี่ยงหายนะที่จะเกิดกับเศรษฐกิจของประเทศ
"สิ่งที่เราประมาณการในขณะนี้ก็คือว่า เม็ดเงินในมาตรการพิเศษของกระทรวงการคลังจะหมดลงหากสภาคองเกรสไม่ปรับเพิ่มเพดานหนี้หรือระงับเพดานหนี้ภายในวันที่ 18 ต.ค. ซึ่งเมื่อถึงเวลานั้น เราคาดว่ากระทรวงการคลังจะมีทรัพยากรที่จำกัดมากและจะหมดลงอย่างรวดเร็ว" นางเยลเลนกล่าว
นอกจากนี้ นางเยลเลนยังระบุว่า หากสภาคองเกรสล้มเหลวในการเพิ่มเพดานหนี้ ก็จะส่งผลให้สหรัฐเผชิญกับการผิดนัดชำระหนี้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ และจะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อเศรษฐกิจของประเทศ