ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (14 ต.ค.) เนื่องจากนักลงทุนลดการถือครองดอลลาร์ในฐานะสกุลเงินปลอดภัย และเข้าซื้อสกุลเงินที่เป็นสินทรัพย์เสี่ยงและให้ผลตอบแทนสูงกว่า เช่นยูโรและปอนด์ นอกจากนี้ การร่วงลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐยังเป็นปัจจัยกดดันสกุลเงินดอลลาร์
ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.14% แตะที่ 93.9578 เมื่อคืนนี้
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9233 ฟรังก์ จากระดับ 0.9241 ฟรังก์ และอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.2368 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.2436 ดอลลาร์แคนดา แต่ดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 113.66 เยน จากระดับ 113.36 เยน
ยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1599 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1588 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะที่ระดับ 1.3686 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3641 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 0.7417 ดอลลาร์ จากระดับ 0.7374 ดอลลาร์
ดอลลาร์อ่อนค่าลงหลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีร่วงลงแตะระดับ 1.519% เมื่อคืนนี้ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 4 ต.ค.
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 36,000 ราย สู่ระดับ 293,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว โดยตัวเลขดังกล่าวอยู่ที่ระดับต่ำกว่า 300,000 รายเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนมี.ค.2563 ซึ่งเป็นช่วงเริ่มต้นการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในสหรัฐ และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 318,000 ราย
ทางด้านกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้ผลิต ปรับตัวขึ้น 0.5% ในเดือนก.ย. เมื่อเทียบรายเดือน ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 0.6% หลังจากดีดตัวขึ้น 0.7% ในเดือนส.ค.
เมื่อเทียบรายปี ดัชนี PPI พุ่งขึ้น 8.6% ในเดือนก.ย. ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นมากเป็นประวัติการณ์ นับตั้งแต่เริ่มมีการรวบรวมข้อมูลดังกล่าวในเดือนพ.ย.2553 แต่ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 8.7% หลังจากดีดตัวขึ้น 8.3% ในเดือนส.ค.
นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐในวันนี้ ซึ่งรวมถึงยอดค้าปลีกเดือนก.ย., ราคานำเข้าและส่งออกเดือนก.ย., ดัชนีภาคการผลิต (Empire State Manufacturing Index) เดือนต.ค.จากเฟดนิวยอร์ก, ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนต.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน และสต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนส.ค.