ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ปรับตัวลงในวันนี้ หลังดีดตัวขึ้นในช่วงแรก จากคำสั่งซื้อดอลลาร์ในฐานะสกุลเงินปลอดภัย หลังจีนเปิดเผยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 3 ที่ต่ำกว่าคาด
ณ เวลา 23.16 น.ตามเวลาไทย ดอลลาร์ขยับขึ้น 0.03% สู่ระดับ 114.25 เยน ขณะที่ยูโรปรับตัวขึ้น 0.14% สู่ระดับ 132.66 เยน และดีดตัวขึ้น 0.13% สู่ระดับ 1.161 ดอลลาร์ ส่วนดัชนีดอลลาร์ ลบ 0.02% สู่ระดับ 93.92
สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) รายงานในวันนี้ว่า GDP ประจำไตรมาส 3 ขยายตัวเพียง 4.9% ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 5.2%
ส่วนการผลิตภาคอุตสาหกรรมประจำเดือนก.ย.ขยายตัวเพียง 3.1% ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 4.5%
อย่างไรก็ดี ยอดค้าปลีกเดือนก.ย.ของจีนขยายตัว 4.4% สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 3.3%
ปอนด์อ่อนค่าลงในวันนี้ โดยไม่ได้รับแรงหนุนจากการที่นายแอนดรูว์ เบลีย์ ผู้ว่าการธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ส่งสัญญาณบ่งชี้ว่า BoE มีแนวโน้มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในปีที่แล้ว เพื่อรับมือกับเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้น
นายเบลีย์กล่าวว่า BoE จำเป็นต้องดำเนินการเพื่อสกัดการพุ่งขึ้นของเงินเฟ้อ แม้เขาเชื่อว่าการดีดตัวขึ้นของเงินเฟ้อในระยะนี้เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นเพียงชั่วคราว
นายเบลีย์คาดการณ์ว่าการพุ่งขึ้นของราคาพลังงานจะเป็นปัจจัยผลักดันให้เงินเฟ้อดีดตัวขึ้นต่อไป ซึ่งทำให้เกิดความเสี่ยงต่อคาดการณ์เงินเฟ้อที่สูงขึ้น
"นโยบายการเงินไม่สามารถแก้ไขปัญหาด้านอุปทาน ทำให้ธนาคารกลางต้องดำเนินการเมื่อพบความเสี่ยงต่อคาดการณ์เงินเฟ้อในระยะกลาง" นายเบลีย์กล่าวในการเสวนาผ่านระบบออนไลน์วานนี้ที่จัดขึ้นโดยกลุ่มที่ปรึกษาที่เรียกว่า Group of 30
BoE คาดการณ์ว่าเงินเฟ้อในอังกฤษจะพุ่งขึ้นเหนือระดับ 4% ภายในสิ้นปีนี้ ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายของ BoE ถึง 2 เท่า ขณะที่อังกฤษทำการเปิดเศรษฐกิจ ซึ่งทำให้เกิดภาวะขาดแคลนอุปทาน และการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมัน หลังจากที่รัฐบาลใช้มาตรการล็อกดาวน์ก่อนหน้านี้เพื่อสกัดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19