ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน พุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 1 ปี หลังจากที่สหรัฐเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรพุ่งเกินคาดในเดือนต.ค. ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
ณ เวลา 20.54 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดอลลาร์ บวก 0.18% สู่ระดับ 94.52 หลังจากดีดตัวแตะ 94.634 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 25 ก.ย.2563 ขณะที่ยูโรปรับตัวลง 0.41% สู่ระดับ 130.88 เยน และร่วงลง 0.26% สู่ระดับ 1.152 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์อ่อนค่า 0.11% สู่ระดับ 113.63 เยน
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 531,000 ตำแหน่งในเดือนต.ค. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 450,000 ตำแหน่ง จากระดับ 312,000 ตำแหน่งในเดือนก.ย.
ส่วนอัตราการว่างงานปรับตัวลงสู่ระดับ 4.6% โดยต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 4.7% จากระดับ 4.8% ในเดือนก.ย.
ยูโรอ่อนค่าเทียบเยนและดอลลาร์ในวันนี้ หลังจากที่นางคริสติน ลาการ์ด ประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) ส่งสัญญาณว่า ECB ไม่มีแนวโน้มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในปีหน้า เนื่องจากเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับต่ำ
ปอนด์อ่อนค่าลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 1 เดือน โดยปรับตัวลงต่อเนื่องจากวานนี้ หลังจากที่ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ประกาศคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย สวนทางการคาดการณ์ของตลาด
ณ เวลา 21.24 น.ตามเวลาไทย ปอนด์ร่วงลง 0.22% สู่ระดับ 1.347 ดอลลาร์ หลังจากแตะ 1.342 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 1 เดือน
ทั้งนี้ BoE จัดการประชุมนโยบายการเงินเมื่อวานนี้ โดยมีมติ 7-2 เสียง สนับสนุนการคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 0.1% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ สวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดการณ์ว่า BoE จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้
คณะกรรมการนโยบายการเงินของ BoE จำนวน 2 รายลงมติสนับสนุนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.15%
อย่างไรก็ดี BoE ระบุในแถลงการณ์ว่า BoE อาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย "ในช่วงไม่กี่เดือนข้างหน้า" หากเศรษฐกิจมีการฟื้นตัวขึ้นตามที่ BoE คาดการณ์
นอกจากนี้ BoE มีมติ 6-3 เสียง สนับสนุนการคงวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ที่ระดับ 8.95 แสนล้านปอนด์ เพื่อลดผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
ก่อนหน้านี้ BoE ได้ตรึงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 0.1% นับตั้งแต่เดือนมี.ค.2563 ขณะที่ได้เพิ่มวงเงิน QE จากระดับ 7.45 แสนล้านปอนด์ สู่ระดับ 8.95 แสนล้านปอนด์นับตั้งแต่เดือนพ.ย.2563
นักลงทุนคาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า BoE จะเป็นธนาคารกลางแห่งแรกในกลุ่มธนาคารขนาดใหญ่ที่สุดของโลกที่จะทำการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายนับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในปีที่แล้ว และธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะอยู่ในกลุ่มธนาคารกลางขนาดใหญ่ของโลกที่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยช้าที่สุด
ตลาดการเงินคาดการณ์ว่า BoE จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมนโยบายการเงินในเดือนพ.ย.และธ.ค. รวมทั้งจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปในปีหน้า หลังจากที่นายแอนดรูว์ เบลีย์ ผู้ว่าการ BoE ส่งสัญญาณบ่งชี้ว่า BoE มีแนวโน้มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อรับมือกับเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้น
นักลงทุนคาดการณ์ว่า BoE จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.15% ในเดือนพ.ย. และ 0.25% ในเดือนธ.ค. รวมทั้งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 3 ครั้งในปี 2565 ซึ่งจะทำให้อัตราดอกเบี้ยนโยบายของ BoE พุ่งแตะระดับ 1.25%