ดอลลาร์ชะลอตัว หลังพุ่งขึ้นวานนี้ ขานรับยอดค้าปลีกที่แข็งแกร่งของสหรัฐ
ณ เวลา 23.56 น.ตามเวลาไทย ดอลลาร์ร่วงลง 0.40% สู่ระดับ 114.36 เยน ขณะที่ยูโรปรับตัวลง 0.46% สู่ระดับ 129.36 เยน และอ่อนค่า 0.06% สู่ระดับ 1.131 ดอลลาร์ ส่วนดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลบ 0.06% สู่ระดับ 95.86
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกพุ่งขึ้น 1.7% ในเดือนต.ค. เมื่อเทียบรายเดือน สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1.4% หลังจากเพิ่มขึ้น 0.8% ในเดือนก.ย.
ยอดค้าปลีกที่เพิ่มขึ้นในเดือนต.ค. ได้รับแรงหนุนจากราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้น และยอดขายรถยนต์ที่เพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 6 เดือน
ส่วนยอดค้าปลีกพื้นฐาน ซึ่งไม่รวมยอดขายรถยนต์ น้ำมัน วัสดุก่อสร้าง และอาหาร พุ่งขึ้น 1.6% ในเดือนต.ค. หลังจากเพิ่มขึ้น 0.5% ในเดือนก.ย.
นอกจากนี้ ดอลลาร์ยังได้แรงหนุนก่อนหน้านี้จากการพุ่งขึ้นของตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 30 ปี ซึ่งอาจส่งผลให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าคาด
นายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานเฟด สาขาเซนต์หลุยส์ เรียกร้องให้เฟดเร่งการปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) เพื่อให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยโดยเร็วที่สุดในช่วงฤดูใบไม้ผลิในปีหน้า
FedWatch Tool ของ CME Group ซึ่งวิเคราะห์การซื้อขายสัญญาล่วงหน้าอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นของสหรัฐ พบว่า นักลงทุนเพิ่มการคาดการณ์ที่ว่า เฟดมีแนวโน้มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในเดือนมี.ค.2565 จากเดิมที่คาดไว้ในเดือนก.ค.2565