ดอลลาร์ปรับตัวแคบเทียบสกุลเงินหลัก ก่อนที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเปิดเผยผลการประชุมนโยบายการเงินในคืนนี้
ณ เวลา 21.22 น.ตามเวลาไทย ดอลลาร์ปรับตัวขึ้น 0.1% สู่ระดับ 113.82 เยน ขณะที่ยูโรแข็งค่า 0.19% สู่ระดับ 128.24 เยน และขยับขึ้น 0.05% สู่ระดับ 1.126 ดอลลาร์ ส่วนดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลบ 0.05% สู่ระดับ 96.52
สำนักข่าว CNBC เปิดเผยผลสำรวจนักวิเคราะห์เกี่ยวกับผลการประชุมนโยบายการเงินของเฟดในคืนนี้ โดยนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า เฟดจะมีมติเร่งการปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) เป็นเดือนละ 30,000 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 2 เท่าจากเดิมเดือนละ 15,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งจะส่งผลให้เฟดยุติการทำ QE ในเดือนมี.ค.2565
ผลสำรวจยังระบุว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนมิ.ย.2565 ซึ่งจะเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในเดือนมี.ค.2563
นอกจากนี้ นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้งทั้งในปี 2565 และ 2566 ซึ่งจะส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยระยะสั้นแตะระดับ 1.50% ภายในสิ้นปี 2566 จากระดับ 0.00-0.25% ในปัจจุบัน และเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปจนถึงระดับ 2.30% ภายในเดือนพ.ค.2567
ปอนด์แข็งค่าเทียบดอลลาร์และยูโร หลังอังกฤษเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อพุ่งขึ้นสูงสุดในรอบ 10 ปี
ณ เวลา 20.53 น.ตามเวลาไทย ปอนด์แข็งค่า 0.11% สู่ระดับ 1.325 ดอลลาร์ และปรับตัวขึ้น 0.02% สู่ระดับ 0.850 เทียบยูโร
สำนักงานสถิติแห่งชาติอังกฤษ (ONS) เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค พุ่งขึ้น 5.1% ในเดือนพ.ย. เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 10 ปี และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 4.7% จากระดับ 4.2% ในเดือนต.ค.
อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) จะไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมวันพรุ่งนี้ โดยจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 0.1% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ เนื่องจากมีความกังวลต่อการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน