ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: ดอลล์อ่อนค่า นลท.ขายสกุลเงินปลอดภัยหลังคลายกังวลโอมิครอน

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday December 30, 2021 07:12 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (29 ธ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายดอลลาร์สหรัฐซึ่งเป็นสกุลเงินปลอดภัย และเข้าซื้อสกุลเงินที่เป็นสินทรัพย์เสี่ยง เช่นดอลลาร์ออสเตรเลียและเงินปอนด์ หลังคลายความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน

ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.27% แตะที่ 95.9435 เมื่อคืนนี้

ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9148 ฟรังก์ จากระดับ 0.9175 ฟรังก์ และอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.2795 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.2816 ดอลลาร์แคนาดา แต่ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 114.97 เยน จากระดับ 114.81 เยน

ยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1340 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1302 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 1.3485 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3423 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นแตะที่ระดับ 0.7250 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7229 ดอลลาร์สหรัฐ

ผลการศึกษาของแอฟริกาใต้ อังกฤษ และสกอตแลนด์ซึ่งต่างก็บ่งชี้ว่า ผู้ที่ติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนมีความเสี่ยงน้อยในการเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาล เมื่อเทียบกับผู้ที่ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์อื่น

ดูบราฟโก ลาคอส-บูชาส นักวิเคราะห์ของเจพีมอร์แกน แสดงความเห็นว่า ไวรัสโอมิครอนจะไม่ส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจ แต่กลับมีแนวโน้มที่จะเร่งไปสู่การยุติการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

การแสดงความเห็นดังกล่าวสอดคล้องกับรายงานของเจพีมอร์แกนที่เปิดเผยก่อนหน้านี้ว่า รูปแบบวิวัฒนาการของไวรัสในอดีตบ่งชี้ว่าไวรัสที่มีการแพร่ระบาดมากกว่า แต่มีความรุนแรงน้อยกว่า จะเข้ามาแทนที่ไวรัสสายพันธุ์ที่มีความรุนแรงมากกว่า ด้วยเหตุผลนี้จึงเชื่อว่าโอมิครอนจะเป็นตัวเร่งให้การแพร่ระบาดอย่างรุนแรงของโควิด-19 กลายเป็นเพียงโรคไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลเท่านั้น สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขขาดดุลการค้าสหรัฐพุ่งขึ้น 17.5% สู่ระดับ 9.78 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนพ.ย. ซึ่งเป็นระดับสูงเป็นประวัติการณ์ จากระดับ 8.32 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนต.ค. ขณะที่ยอดการนำเข้าเพิ่มขึ้น 4.7% และยอดการส่งออกลดลง 2.1% ในเดือนพ.ย.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ