ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันจันทร์ (31 ม.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไร หลังจากดอลลาร์พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 1 ปีเมื่อวันศุกร์ อันเป็นผลมาจากกระแสคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเวลาที่รวดเร็วขึ้นเพื่อสกัดกั้นอัตราเงินเฟ้อ
ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.64% แตะที่ 96.65 เมื่อคืนนี้
นักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากดอลลาร์พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 1 ปีครึ่งเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ท่ามกลางกระแสคาดการณ์ที่ว่าเฟดจะเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟดกล่าวเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เฟดไม่ปฏิเสธความเป็นไปได้ที่ว่าอาจจะมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยมากกว่า 0.25% เมื่อพิจารณาจากตัวเลขเงินเฟ้อที่สูงมากในขณะนี้ ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณว่า เฟดอาจจะปรับขึ้นดอกเบี้ยในเวลาที่รวดเร็วกว่าและรุนแรงมากกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้
ส่วนความคิดเห็นของเจ้าหน้าที่เฟดรายล่าสุดนั้น นายราฟาเอล บอสติก ประธานเฟดสาขาแอตแลนตากล่าวให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียล ไทม์สเมื่อวานนี้ว่า เฟดอาจสร้างความประหลาดใจด้วยการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% หากเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง
นักลงทุนจับตาตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐซึ่งมีกำหนดเปิดเผยในวันศุกร์นี้ ขณะที่ทำเนียบขาวเตือนว่า ตัวเลขจ้างงานเดือนม.ค.ของสหรัฐอาจได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน
นักวิเคราะห์ในโพลสำรวจของสำนักข่าวรอยเตอร์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนม.ค.ของสหรัฐจะเพิ่มขึ้นเพียง 153,000 ตำแหน่ง ซึ่งลดลงจากเดือนธ.ค.ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น 199,000 ตำแหน่ง และคาดว่าอัตราว่างงานจะทรงตัวอยู่ที่ 3.9%
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่น ๆ ของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ได้อก่ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นสุดท้ายเดือนม.ค.จากมาร์กิต, ดัชนีภาคการผลิตเดือนม.ค.จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM), การใช้จ่ายด้านการก่อสร้างเดือนธ.ค., ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนม.ค.จาก ADP,จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นสุดท้ายเดือนม.ค.จากมาร์กิต, ดัชนีภาคบริการเดือนม.ค.จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) และยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนธ.ค.
นอกจากนี้ นักลงทุนยังคงติดตามสถานการณ์ตึงเครียดทางการเมืองระหว่างชาติตะวันตกกับรัสเซียเกี่ยวกับประเด็นยูเครน โดยล่าสุดรัฐบาลอังกฤษเตือนว่าจะใช้มาตรการคว่ำบาตรธุรกิจและบุคคลที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน หากรัสเซียกระทำการใด ๆ กับยูเครน ขณะที่นายจอห์น เคอร์บี้ โฆษกกระทรวงกลาโหมสหรัฐเปิดเผยว่า รัสเซียยังคงเพิ่มกำลังทหารใกล้ชายแดนยูเครนในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา