ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันพฤหัสบดี (3 ก.พ.) ขณะที่นักลงทุนจับตาตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐซึ่งมีกำหนดเปิดเผยในวันนี้
ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.59% แตะที่ 95.35 เมื่อคืนนี้
สำหรับความเคลื่อนไหวที่มีผลต่อภาวะการซื้อขายในตลาดนั้น ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) มีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% สู่ระดับ 0.50% ในการประชุมเมื่อวานนี้ตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้
การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายดังกล่าวถือเป็นการขึ้นดอกเบี้ยเป็นครั้งที่ 2 ในรอบ 3 เดือนเพื่อสกัดเงินเฟ้อที่พุ่งสูงสุดในรอบ 30 ปี และเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุม 2 ครั้งติดต่อกันเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2547
ทางด้านธนาคารกลางยุโรป (ECB) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมเมื่อวานนี้ ตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ แม้ว่าเงินเฟ้อของยูโรโซนพุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และปรับตัวเหนือเป้าหมาย 2% ของ ECB
ทั้งนี้ ECB มีมติคงอัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์ที่ระดับ 0% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ และคงอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่ธนาคารพาณิชย์ฝากไว้กับ ECB ที่ระดับ -0.50% ขณะที่คงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ระดับ 0.25%
ขณะเดียวกัน ECB ระบุว่า ทางธนาคารจะยุติโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการ Pandemic Emergency Purchase Programme (PEPP) วงเงิน 1.85 ล้านล้านยูโรในเดือนมี.ค.
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลงสู่ระดับ 238,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 245,000 ราย และต่ำกว่าตัวเลขที่มีการรายงานในสัปดาห์ก่อนหน้านี้ที่ระดับ 261,000 ราย
ขณะที่สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนีภาคบริการของสหรัฐร่วงลงสู่ระดับ 59.9 ในเดือนม.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ.2564 แต่สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 59.5 หลังจากแตะระดับ 62.3 ในเดือนธ.ค.
นักลงทุนจับตาตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐซึ่งมีกำหนดเปิดเผยในวันนี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนม.ค.ของสหรัฐจะเพิ่มขึ้นเพียง 178,000 ตำแหน่ง และคาดว่าอัตราว่างงานจะทรงตัวที่ระดับ 3.9%