ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันพุธ (9 ก.พ.) ขณะที่นักลงทุนจับตาตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐที่จะมีการเปิดเผยในวันนี้
ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.15% สู่ระดับ 95.4950 เมื่อคืนนี้
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 115.4760 เยน จากระดับ 115.54 เยน และอ่อนค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9238 ฟรังก์ จากระดับ 0.9254 ฟรังก์ นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐยังอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.2673 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.2713 ดอลลาร์แคนาดา
สกุลเงินยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์ ที่ระดับ 1.1436 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1418 ดอลลาร์ ส่วนเงินปอนด์อ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 1.3537 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3543 ดอลลาร์
นักลงทุนจับตากระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค ประจำเดือนม.ค.ในวันนี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ดัชนี CPI จะพุ่งขึ้น 7.2% เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 40 ปี หรือนับตั้งแต่เดือนก.พ. 2525
ทางด้านนายราฟาเอล บอสติก ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาแอตแลนตา กล่าวว่า เขาเห็นว่าการที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีนี้ โดยปรับขึ้นครั้งละ 0.25% ถือว่ามีความเหมาะสม แต่เขาก็คาดว่าเฟดมีแนวโน้มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยถึง 4 ครั้ง
"เราคงต้องดูว่าเศรษฐกิจจะมีการตอบสนองอย่างไรหลังเฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งแรก ซึ่งอาจเกิดขึ้นในเดือนมี.ค." นายบอสติกกล่าวต่อสำนักข่าว CNBC
นอกจากนี้ นายบอสติกกล่าวว่า ภาวะเงินเฟ้อในเศรษฐกิจสหรัฐอาจกำลังเริ่มชะลอตัวลง
"ผมมีความหวังว่าเราจะเริ่มเห็นเงินเฟ้อปรับตัวลง โดยมีหลักฐานบางอย่างบ่งชี้เรื่องนี้" นายบอสติก