ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันอังคาร (15 ก.พ.) ขณะที่นักลงทุนรอธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยรายงานการประชุมนโยบายการเงินครั้งล่าสุดในวันพุธนี้
ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.40% สู่ระดับ 95.9900
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 115.56 เยน จากระดับ 115.62 เยน และอ่อนค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9254 ฟรังก์ จากระดับ 0.9256 ฟรังก์ นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐยังอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.2725 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.2733 ดอลลาร์แคนาดา
สกุลเงินยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์ ที่ระดับ 1.1302 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1299 ดอลลาร์, เงินปอนด์แข็งค่าแตะที่ระดับ 1.3529 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3524 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าแตะระดับ 0.7153 ดอลลาร์ จากระดับ 0.7124 ดอลลาร์
นักลงทุนจะจับตาการเปิดเผยรายงานการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) ประจำเดือนม.ค.ในวันพุธนี้ (16 ก.พ.) ซึ่งจะบ่งชี้ทิศทางการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด
ทั้งนี้ โกลด์แมน แซคส์, ซิตี้กรุ๊ป และแบงก์ ออฟ อเมริกาคาดการณ์ว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 7 ครั้งในปีนี้ โดยปรับขึ้นครั้งละ 0.25% ซึ่งจะส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยนโยบายของเฟดพุ่งแตะ 1.75-2.00% ในปลายปีนี้ จากปัจจุบันที่ระดับ 0.00-0.25%
หากเฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยตามคาด เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมทั้ง 7 ครั้งที่เหลือในปีนี้ โดยเริ่มตั้งแต่เดือนมี.ค.
นายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานเฟดสาขาเซนต์หลุยส์กล่าวเมื่อวันจันทร์ว่า เฟดจำเป็นต้องถอนมาตรการผ่อนคลายทางการเงินเร็วกว่าที่คาดไว้ เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อเร่งตัวขึ้นมากกว่าคาด โดยการแสดงความเห็นดังกล่าวมีขึ้นหลังจากเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว นายบูลลาร์ดได้สร้างความตื่นตระหนกในตลาดด้วยการกล่าวว่าเฟดควรปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 1.00% ภายในเดือนก.ค.