ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: ดอลล์แข็งค่า วิกฤตยูเครนหนุนแรงซื้อสกุลเงินปลอดภัย

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday February 24, 2022 07:00 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันพุธ (23 ก.พ.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงจับตาสถานการณ์ตึงเครียดเกี่ยวกับยูเครน และได้พากันเข้าซื้อดอลลาร์ในฐานะสกุลเงินที่ปลอดภัย

ดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.17% สู่ระดับ 96.1910

ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.1312 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1338 ดอลลาร์ และเงินปอนด์อ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 1.3536 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3592 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าสู่ระดับ 0.7236 ดอลลาร์ จากระดับ 0.7221 ดอลลาร์

ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 114.97 เยน จากระดับ 115.08 เยน, ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9182 ฟรังก์ จากระดับ 0.9211 ฟรังก์ และดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.2738 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.2753 ดอลลาร์แคนาดา

แอนเจ แพรค นักวิเคราะห์ของคอมเมิร์ซแบงก์กล่าวว่า วิกฤตยูเครนเป็นปัจจัยหลักที่กระทบตลาดปริวรรตเงินตราในขณะนี้ และนโยบายการเงินเป็นปัจจัยรอง โดยนักลงทุนได้หลีกเลี่ยงการลงทุนที่มีความเสี่ยง และเข้าซื้อสกุลเงินปลอดภัย อาทิ เยน และฟรังก์สวิส รวมถึงดอลลาร์ด้วย

บรรดานักลงทุนยังคงจับตาสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างรัสเซียและยูเครน โดยรัสเซียได้เริ่มอพยพเจ้าหน้าที่ออกจากสถานเอกอัครราชทูตประจำกรุงเคียฟ ประเทศยูเครนแล้วในวันอังคาร และเจ้าหน้าที่รัสเซียยังได้ปลดธงชาติลงจากสถานเอกอัครราชทูตรัสเซียประจำกรุงเคียฟด้วย

การอพยพเจ้าหน้าที่ทูตรัสเซียดังกล่าวมีขึ้น หลังจากที่ยูเครนประกาศภาวะฉุกเฉินเป็นเวลา 30 วัน และประกาศเกณฑ์ทหารกองหนุนเพื่อรับมือกับการโจมตีจากรัสเซีย ขณะที่วุฒิสภารัสเซียมีมติเป็นเอกฉันท์อนุมัติให้ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน สามารถใช้กองทัพรัสเซียออกปฏิบัติการนอกประเทศเพื่อให้การสนับสนุนกลุ่มแบ่งแยกดินแดนในยูเครน

ทางด้านสหรัฐ สหภาพยุโรป อังกฤษ ออสเตรเลีย แคนาดา และญี่ปุ่น ต่างก็ได้ออกมาตรการตอบโต้รัสเซียด้วยการคว่ำบาตรธนาคารบางแห่ง และนักธุรกิจบางราย ขณะที่เยอรมนีประกาศระงับการอนุมัติโครงการท่อส่งก๊าซธรรมชาติ Nord Stream 2 เป็นการชั่วคราว

นักลงทุนจะจับตาการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในปีนี้ ซึ่งอาจเร็วและแรงกว่าที่คาดไว้ เพื่อสกัดเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นสูงสุดในรอบ 40 ปี

ทั้งนี้ FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนักมากถึง 100% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมวันที่ 15-16 มี.ค.

นอกจากนี้ ตลาดจะจับตานายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ซึ่งจะกล่าวแถลงการณ์รอบครึ่งปีว่าด้วยนโยบายการเงินและภาวะเศรษฐกิจสหรัฐต่อสภาคองเกรสในวันที่ 2-3 มี.ค. โดยอาจเป็นการแสดงความเห็นเกี่ยวกับนโยบายการเงินต่อสาธารณะเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่เฟดจะเริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมหลังจากนั้นอีกเพียงไม่กี่วัน

นายพาวเวลจะกล่าวถ้อยแถลงต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐในวันที่ 2 มี.ค. และต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภาในวันที่ 3 มี.ค. โดยการแถลงทั้งสองวันจะเริ่มขึ้นในเวลา 10.00 น.ตามเวลาสหรัฐ หรือ 22.00 น.ตามเวลาไทย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ