ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันพุธ (23 มี.ค.) ขานรับนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งส่งสัญญาณเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ นอกจากนี้ ดอลลาร์ยังได้แรงซื้อในฐานะสกุลเงินปลอดภัย ขณะที่การเจรจาสันติภาพระหว่างรัสเซียและยูเครนยังคงไม่มีความคืบหน้า
ดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.13% แตะที่ 98.6190 เมื่อคืนนี้
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 121.12 เยน จากระดับ 120.74 เยน แต่ดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9307 ฟรังก์ จากระดับ 0.9328 ฟรังก์ และอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.2561 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.2585 ดอลลาร์แคนาดา
ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1013 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1025 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 1.3208 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3254 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 0.7508 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7458 ดอลลาร์สหรัฐ
นายพาวเวลได้กล่าวในการประชุมสมาคมเศรษฐกิจธุรกิจแห่งชาติของสหรัฐเมื่อวันจันทร์ว่า ตลาดแรงงานของสหรัฐมีความแข็งแกร่งมาก และอัตราเงินเฟ้อก็อยู่ในระดับสูงมากเกินไป ด้วยเหตุนี้เฟดจึงต้องสร้างความเชื่อมั่นว่าตัวเลขเงินเฟ้อจะกลับมามีเสถียรภาพอีกครั้ง และหากเห็นว่าจำเป็น เฟดก็จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากกว่า 0.25% ในการประชุมครั้งหนึ่งหรือหลายครั้ง
ทางด้านนางลอเรตตา เมสเตอร์ ประธานเฟดสาขาคลีฟแลนด์ แสดงความเห็นว่า เฟดสามารถปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยและเริ่มการปรับลดขนาดงบดุลในการประชุมครั้งเดียวกัน
"ดิฉันคิดว่าเมื่อเราพิจารณาถึงสถานการณ์ในขณะนี้ และการที่ท่านประธานพาวเวลได้สื่อสารก่อนหน้านี้เกี่ยวกับกระบวนการปรับลดขนาดงบดุล ดิฉันจึงไม่มีความกังวลเกี่ยวกับการที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยและเริ่มปรับลดขนาดงบดุลในการประชุมครั้งเดียวกัน โดยสิ่งนี้จะไม่บั่นทอนเสถียรภาพ ขณะที่เราควรตระหนักว่าเงินเฟ้อกำลังอยู่ในระดับที่สูงมาก ทำให้เราต้องใช้เครื่องมือเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ" นางเมสเตอร์กล่าว
นอกจากนี้ นางเมสเตอร์ยังสนับสนุนให้เฟดเร่งการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงครึ่งปีแรกนี้ โดยมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมบางครั้ง
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดขายบ้านใหม่ลดลง 2% สู่ระดับ 772,000 ยูนิตในเดือนก.พ. และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 810,000 ยูนิต โดยยอดขายบ้านใหม่ได้รับผลกระทบจากราคาบ้านที่พุ่งขึ้น และการดีดตัวขึ้นของอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนอง
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่น ๆ ของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนก.พ., ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นต้นเดือนมี.ค.จากมาร์กิต, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นต้นเดือนมี.ค.จากมาร์กิต, ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนก.พ. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนมี.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน