ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ยังคงยืนเหนือระดับ 100 ในวันนี้ หลังจากพุ่งแตะระดับดังกล่าวเมื่อวันศุกร์เป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 2 ปี โดยได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ
นอกจากนี้ ดอลลาร์พุ่งทะลุระดับ 125 เยนในวันนี้ แตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย.2558 โดยนักลงทุนพากันเข้าซื้อดอลลาร์และเทขายเยน เนื่องจากมองว่าธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ดำเนินมาตรการสวนทางกับเฟด ซึ่งจะทำให้ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสหรัฐและญี่ปุ่นปรับตัวกว้างขึ้น
ณ เวลา 23.22 น.ตามเวลาไทย ดอลลาร์แข็งค่า 1.0% สู่ระดับ 125.56 เยน ขณะที่ยูโรปรับตัวขึ้น 0.98% สู่ระดับ 136.54 เยน และอ่อนค่า 0.02% สู่ระดับ 1.087 ดอลลาร์ ส่วนดัชนีดอลลาร์ บวก 0.22% สู่ระดับ 100.02
รายงานการประชุมเดือนมี.ค.ของเฟดระบุว่า กรรมการเฟดสนับสนุนการปรับลดขนาดงบดุล และเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ
ทั้งนี้ กรรมการเฟดเห็นพ้องที่จะปรับลดขนาดงบดุลลงเดือนละ 9.5 หมื่นล้านดอลลาร์อย่างเร็วที่สุดในเดือนพ.ค. และสนับสนุนให้มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุม 1-2 ครั้ง หากยังคงเผชิญแรงกดดันจากเงินเฟ้อ
ตลาดการเงินคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมทั้งในเดือนพ.ค.และมิ.ย. และอัตราดอกเบี้ยจะแตะระดับ 2.50-2.75% ในช่วงสิ้นปีนี้ ซึ่งจะสูงกว่า 2.4% ซึ่งเป็นระดับที่กรรมการเฟดส่วนใหญ่มองว่าเป็นระดับที่เป็นกลาง
หากเฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนพ.ค.ตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ ก็จะเป็นครั้งแรกที่เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% นับตั้งแต่ปี 2543
นักลงทุนจับตาตัวเลขเงินเฟ้อในสัปดาห์นี้ โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค ในวันพรุ่งนี้ และดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้ผลิต ในวันพุธ