ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันจันทร์ (18 เม.ย.) เนื่องจากเทรดเดอร์คาดว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนต่อ ๆ ไป ท่ามกลางภาวะเงินเฟ้อในระดับสูง
ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.28% แตะที่ 100.7810
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 126.96 เยน จากระดับ 126.39 เยน, แข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9444 ฟรังก์ จากระดับ 0.9429 ฟรังก์ และแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดาที่ระดับ 1.2616 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.2606 ดอลลาร์แคนาดา
ยูโรอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.0787 ดอลลาร์ จากระดับ 1.0812 ดอลลาร์, เงินปอนด์อ่อนค่าแตะที่ระดับ 1.3011 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3069 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 0.7350 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7396 ดอลลาร์สหรัฐ
ดอลลาร์ดีดตัวขึ้นเมื่อเทียบสกุลเงินหลัก สอดคล้องกับการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ ท่ามกลางการคาดการณ์ที่ว่า เฟดจะเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อในสหรัฐ
อย่างไรก็ดี การซื้อขายเป็นไปอย่างเบาบาง เนื่องจากตลาดการเงินยุโรปยังคงปิดทำการเนื่องในเทศกาลอีสเตอร์
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 3 ปีในวันจันทร์
ทั้งนี้ สหรัฐเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) พุ่งขึ้น 8.5% ในเดือนมี.ค. เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2524
ตลาดการเงินคาดการณ์ว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมทั้งในเดือนพ.ค.และมิ.ย.
หากเฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนพ.ค.ตามที่ตลาดคาดไว้ ก็จะเป็นครั้งแรกที่เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% นับตั้งแต่ปี 2543
บรรดานักลงทุนจับตารายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ หรือ Beige Book ของเฟดที่จะมีการเปิดเผยในวันพุธนี้ (20 เม.ย.) ซึ่งจะบ่งชี้ถึงภาวะเศรษฐกิจสหรัฐ และทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟด