ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันอังคาร (19 เม.ย.) โดยได้แรงหนุนจากอัตราผลตอบแทนพันธสหรัฐที่พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 3 ปี อันเป็นผลมาจากกระแสคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ
ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.18% แตะที่ 100.9610
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 128.75 เยน จากระดับ 126.96 เยน และแข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9513 ฟรังก์ จากระดับ 0.9444 ฟรังก์ นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐยังแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.2624 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.2616 ดอลลาร์แคนาดา
ยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.0796 ดอลลาร์ จากระดับ 1.0787 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 1.2997 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3011 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 0.7374 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7350 ดอลลาร์สหรัฐ
ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นหลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีพุ่งขึ้นแตะระดับ 2.91% เมื่อคืนนี้ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปลายปี 2561 ท่ามกลางการคาดการณ์ที่ว่า เฟดจะเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ
นายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานเฟด สาขาเซนต์หลุยส์กล่าวว่า อัตราเงินเฟ้อในสหรัฐขณะนี้อยู่ในระดับที่สูงเกินไป และมีความเป็นไปได้ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยถึง 0.75% จนแตะระดับ 3.5% ภายในสิ้นปีนี้ เพื่อสกัดอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐที่พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 40 ปี
นายบูลลาร์ดกล่าวในการประชุมทางไกลซึ่งจัดโดยสภาวิเทศสัมพันธ์ของสหรัฐในวันจันทร์ (18 เม.ย.) ว่า "สิ่งที่เราต้องทำในเวลานี้คือการทำให้อัตราดอกเบี้ยกลับสู่ภาวะที่เป็นกลางและจากนั้นจึงเริ่มดำเนินการในลำดับต่อไป เรามองว่าเศรษฐกิจยังคงมีแนวโน้มที่จะขยายตัวได้ดีกว่าคาด และเชื่อว่าเศรษฐกิจจะไม่เข้าสู่ภาวะถดถอย ขณะที่อัตราว่างงานซึ่งขณะนี้อยู่ที่ 3.6% ก็มีแนวโน้มที่จะลดลงสู่ระดับต่ำกว่า 3%"
ดอลลาร์ยังได้รับปัจจัยบวกจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านเพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนมี.ค. สู่ระดับ 1.793 ล้านยูนิต สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงสู่ระดับ 1.745 ล้านยูนิต จากระดับ 1.788 ล้านยูนิตในเดือนก.พ.
นักลงทุนจับตารายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ หรือ Beige Book ของเฟดที่จะมีการเปิดเผยในวันนี้ ซึ่งจะบ่งชี้ภาวะเศรษฐกิจสหรัฐ และทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟด