ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน พุ่งเหนือระดับ 102 แตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค.2563
ส่วนยูโรอ่อนค่าลง ท่ามกลางความกังวลว่าเศรษฐกิจของยุโรปจะถูกกระทบจากสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน รวมทั้งการที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยล่าช้ากว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
ณ เวลา 00.20 น.ตามเวลาไทย ดอลลาร์อ่อนค่า 0.52% สู่ระดับ 127.45 เยน ขณะที่ยูโรปรับตัวลง 1.07% สู่ระดับ 135.76 เยน และร่วงลง 0.55% สู่ระดับ 1.065 ดอลลาร์ ส่วนดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน บวก 0.46% สู่ระดับ 102.22
นักลงทุนพากันเข้าซื้อดอลลาร์ในฐานะสกุลเงินปลอดภัย ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับการสู้รบระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ซึ่งได้เข้าสู่เดือนที่ 3 ขณะที่นายเซอร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย เตือนว่า วิกฤตการณ์รัสเซีย-ยูเครนอาจลุกลามกลายเป็นสงครามนิวเคลียร์
นอกจากนี้ ดอลลาร์ยังได้แรงหนุนจากความวิตกเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน หลังมีการล็อกดาวน์เซี่ยงไฮ้ ซึ่งมีประชากรมากถึง 25 ล้านคน รวมทั้งปิดกั้นพื้นที่บางส่วนของกรุงปักกิ่งเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19
นอกจากนี้ ดอลลาร์ยังได้ปัจจัยบวกจากการคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วและแรงเพื่อสกัดเงินเฟ้อ หลังจากนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด กล่าวว่า เขาสนับสนุนให้เฟดดำเนินการเร็วขึ้นเพื่อต่อสู้กับเงินเฟ้อ และส่งสัญญาณว่ามีโอกาสที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมวันที่ 3-4 พ.ค. ซึ่งจะเป็นครั้งแรกที่เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% นับตั้งแต่ปี 2543
ตลาดยังคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแรงขึ้นหลังเดือนพ.ค. โดยอาจปรับขึ้น 0.75% เพื่อสกัดเงินเฟ้อ