ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันพุธ (26 เม.ย.) ขานรับแนวโน้มที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนหน้า ขณะที่ยูโรอ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางความกังวลว่าเศรษฐกิจของยุโรปจะถูกกระทบจากสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน
ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน พุ่งขึ้น 0.63% แตะที่ 102.9540 เมื่อคืนนี้
ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.0563 ดอลลาร์ จากระดับ 1.0647 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 1.2541 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2589 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงสู่ระดับ 0.7121 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7147 ดอลลาร์สหรัฐ
ดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 128.31 เยน จากระดับ 127.58 เยน และแข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9683 ฟรังก์ จากระดับ 0.9623 ฟรังก์ นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐยังแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.2832 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.2799 ดอลลาร์แคนาดา
ยูโรอ่อนค่าลง ท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับการขยายตัวของเศรษฐกิจยุโรป หลังจากที่รัสเซียระงับการส่งออกก๊าซธรรมชาติให้แก่โปแลนด์และบัลแกเรีย เนื่องจากไม่ได้ชำระค่าก๊าซเป็นเงินสกุลรูเบิล
ขณะที่ดอลลาร์ยังคงได้ปัจจัยบวกจากการคาดการณ์ที่ว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วและแรงเพื่อสกัดเงินเฟ้อ หลังจากนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด กล่าวว่า เขาสนับสนุนให้เฟดดำเนินการเร็วขึ้นเพื่อต่อสู้กับเงินเฟ้อ และส่งสัญญาณว่ามีโอกาสที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมวันที่ 3-4 พ.ค.
นอกจากนี้ ตลาดยังคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแรงขึ้นหลังเดือนพ.ค. โดยอาจปรับขึ้น 0.75% เพื่อสกัดเงินเฟ้อ
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) เปิดเผยว่า ดัชนีการทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) ลดลง 1.2% ในเดือนมี.ค. เมื่อเทียบรายเดือน สู่ระดับ 103.7 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค.2563 และปรับตัวลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 5