ดอลลาร์สหรัฐปิดตลาดอ่อนค่าลงเล็กน้อย ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันจันทร์ (9 พ.ค.) หลังจากพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 20 ปีในระหว่างวัน ตามทิศทางอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ ขณะที่นักลงทุนจับตาตัวเลขเงินเฟ้อเดือนเม.ย.ของสหรัฐซึ่งมีกำหนดเปิดเผยในวันพรุ่งนี้
ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.01% แตะที่ 103.6510 หลังจากพุ่งขึ้นทะลุระดับ 104 แตะระดับสูงสุดในรอบ 20 ปี
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 130.31 เยน จากระดับ 130.57 เยน แต่ดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9930 ฟรังก์ จากระดับ 0.9882 ฟรังก์ และแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.2989 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.2906 ดอลลาร์แคนาดา
ยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.0567 ดอลลาร์ จากระดับ 1.0550 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะที่ระดับ 1.2344 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2333 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงสู่ระดับ 0.6959 ดอลลาร์ จากระดับ 0.7076 ดอลลาร์
การแข็งค่าของดอลลาร์ สอดคล้องกับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีที่พุ่งขึ้นแตะระดับ 3.185% เมื่อคืนนี้ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2561 โดยได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วขึ้นและรุนแรงมากขึ้นเพื่อสกัดเงินเฟ้อ
FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 75% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุมวันที่ 14-15 มิ.ย. เพิ่มขึ้นจากระดับ 19% เมื่อเดือนที่แล้ว
นักลงทุนจับตาสหรัฐเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค ในวันพุธนี้ ซึ่งอาจมีผลต่อการตัดสินใจกำหนดนโยบายการเงินของเฟดในการประชุมเดือนมิ.ย.