ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: ดอลล์แข็งค่า หลังพาวเวลส่งสัญญาณเร่งขึ้นดอกเบี้ย

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday May 19, 2022 07:04 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันพุธ (18 พ.ค.) หลังจากนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ยืนยันว่าเฟดไม่ลังเลที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสูงสุดเท่าที่จำเป็นเพื่อสกัดเงินเฟ้อ

ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.43% แตะที่ 103.8100

ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.2873 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.2830 ดอลลาร์แคนาดา แต่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 128.12 เยน จากระดับ 129.43 เยน และอ่อนค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9877 ฟรังก์ จากระดับ 0.9941 ฟรังก์

ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.0479 ดอลลาร์ จากระดับ 1.0549 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 1.2346 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2481 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงสู่ระดับ 0.6967 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7014 ดอลลาร์สหรัฐ

นายพาวเวลกล่าวสุนทรพจน์ในงานสัมมนา Future of Everything Festival ซึ่งจัดขึ้นโดยหนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัลในวันอังคารตามเวลาสหรัฐ (17 พ.ค.) ว่า เฟดไม่ลังเลที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสูงสุดเท่าที่จำเป็น เพื่อควบคุมเงินเฟ้อไม่ให้พุ่งขึ้นรุนแรงจนสร้างความเสียหายต่อรากฐานเศรษฐกิจ

"สิ่งที่เราต้องการเห็นคืออัตราเงินเฟ้อที่ชะลอตัวลงอย่างชัดเจน และเราจะดำเนินนโยบายคุมเข้มด้านการเงินไปจนกว่าจะเห็นสิ่งนั้น หากเราไม่เห็นว่าเงินเฟ้อชะลอตัวลงตามที่คาดหวังไว้ เราก็จะใช้นโยบายคุมเข้มทางการเงินที่แข็งกร้าวมากขึ้นอีก" นายพาวเวลกล่าว

ทั้งนี้ FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า ขณะนี้นักลงทุนให้น้ำหนัก 100% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างน้อย 0.50% ในการประชุมนโยบายการเงินอีก 2 ครั้ง ทั้งในเดือนมิ.ย.และก.ค. หลังจากที่เฟดเพิ่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในเดือนพ.ค. ซึ่งเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งใหญ่ที่สุดในรอบกว่า 20 ปี

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านลดลง 0.2% ในเดือนเม.ย. สู่ระดับ 1.724 ล้านยูนิต ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าลดลงสู่ระดับ 1.765 ล้านยูนิต โดยการเริ่มต้นสร้างบ้านได้รับผลกระทบจากการพุ่งขึ้นของราคาวัสดุก่อสร้าง และการขาดแคลนแรงงาน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ