สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานโดยอ้างผลสำรวจเอ็มแอลไอวี พัลส์ (MLIV Pulse) ว่า นักลงทุนราว 60% จากทั้งหมด 950 รายในการสำรวจดังกล่าว คาดว่าราคาบิตคอยน์มีโอกาสที่จะร่วงแตะหลัก 10,000 ดอลลาร์ มากกว่าที่จะดีดตัวขึ้นจนแตะหลัก 30,000 ดอลลาร์ เมื่อเทียบกับขณะนี้ซึ่งมีราคาอยู่ที่ประมาณ 20,500 ดอลลาร์จากข้อมูลบนเว็บไซต์ Coindesk.com
ตัวเลขดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่า นักลงทุนมองตลาดคริปโทเคอร์เรนซีอยู่ในช่วงขาลงแล้ว โดยราคาบิตคอยน์ทรุดตัวลงอย่างหนักในปีนี้ เนื่องจากนักลงทุนลดการถือครองสินทรัพย์เสี่ยงท่ามกลางความวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาเงินเฟ้อและการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางต่าง ๆ
นอกจากนี้ บริษัทคริปโทฯ หลายแห่งยังเผชิญกับปัญหาสภาพคล่อง โดยเซลเซียส เน็ตเวิร์กส์ (Celsius Networks) ซึ่งเป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มปล่อยกู้คริปโทเคอร์เรนซีใหญ่ที่สุดในโลก ประกาศระงับการให้บริการด้านการถอน การแลกเปลี่ยน และการโอนระหว่างบัญชีทั้งหมดเป็นชั่วคราว เนื่องจากตลาดประสบความผันผวนอย่างหนัก
ขณะเดียวกัน วอยเอเจอร์ ดิจิทัล (Voyager Digital) โบรกเกอร์สินทรัพย์ดิจิทัลของสหรัฐ ได้สั่งระงับการซื้อขายทั้งหมดของลูกค้า รวมถึงการฝาก การถอน และการแจกรางวัลให้กับลูกค้า ส่วนบริษัทโวลด์ (Vauld) ซึ่งเป็นผู้ให้บริการปล่อยกู้คริปโทเคอร์เรนซีสัญชาติสิงคโปร์ ประกาศระงับการถอน การซื้อขาย และการฝากคริปโทฯทั้งหมดบนแพลตฟอร์มของบริษัทเช่นกัน
จาเรด แมดเฟส หุ้นส่วนของบริษัทไทร์บ แคปิตอล กล่าวว่า "ตอนนี้นักลงทุนรู้สึกหวาดกลัวกันง่ายมาก ไม่ใช่แค่ในเรื่องคริปโทฯ เท่านั้น แต่ยังรวมถึงภาพรวมทั่วโลกด้วย" โดยการคาดการณ์ที่ว่าบิทคอยน์มีโอกาสร่วงลงอีกนั้น สะท้อนให้เห็นว่าจริง ๆ แล้วนักลงทุนไม่มีความมั่นใจในตลาดคริปโทฯ
ทั้งนี้ ราคาบิตคอยน์ได้ทรุดตัวลงกว่าสองในสาม นับตั้งแต่ที่พุ่งขึ้นเกือบแตะระดับ 69,000 ดอลลาร์เมื่อเดือนพ.ย.ที่ผ่านมา และไม่ได้ลงแตะหลัก 10,000 ดอลลาร์มาตั้งแต่เดือนก.ย. 2563