สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันศุกร์ (15 ก.ค.) เนื่องจากนักลงทุนขายดอลลาร์เพื่อทำกำไร หลังจากดอลลาร์ทะยานขึ้นในช่วงที่ผ่านมา
ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.44% แตะที่ระดับ 108.0630
ดอลลาร์อ่อนค่าเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 138.55 เยน จากระดับ 138.86 เยน, อ่อนค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิสที่ระดับ 0.9780 ฟรังก์ จากระดับ 0.9830 ฟรังก์ และอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดาที่ระดับ 1.3034 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3105 ดอลลาร์แคนาดา
ยูโรแข็งค่าแตะที่ระดับ 1.0083 ดอลลาร์ จากระดับ 1.0032 ดอลลาร์, เงินปอนด์แข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.1857 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1833 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 0.6791 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.6760 ดอลลาร์สหรัฐ
นักลงทุนขายดอลลาร์เพื่อทำกำไร หลังจากดอลลาร์พุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งในช่วงที่ผ่านมา โดยดัชนีดอลลาร์พุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 20 ปีเมื่อวันพฤหัสบดี (14 ก.ค.) หลังจากเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นในสหรัฐสนับสนุนการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นดอกเบี้ยในอัตราที่รุนแรงมากขึ้น
นอกจากนี้ ดอลลาร์ยังอ่อนค่าลงจากแรงขายสินทรัพย์ปลอดภัย หลังสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งเกินคาด
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยในวันศุกร์ว่า ยอดค้าปลีกดีดตัวขึ้น 1.0% ในเดือนมิ.ย. เมื่อเทียบรายเดือน สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าเพิ่มขึ้น 0.8% หลังจากลดลง 0.1% ในเดือนพ.ค. และเมื่อเทียบรายปี ยอดค้าปลีกพุ่งขึ้น 9.1% ในเดือนมิ.ย. ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย. 2524 โดยยอดค้าปลีกที่พุ่งขึ้นได้รับแรงหนุนจากการดีดตัวขึ้นของราคาพลังงาน และยอดขายรถยนต์ ส่วนยอดค้าปลีกพื้นฐาน ซึ่งไม่รวมยอดขายรถยนต์ น้ำมัน วัสดุก่อสร้าง และอาหาร เพิ่มขึ้น 0.8% หลังจากลดลง 0.3% ในเดือนพ.ค.
มหาวิทยาลัยมิชิแกนเปิดเผยผลสำรวจระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 51.1 ในเดือนก.ค. โดยสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 50.0 ขณะเดียวกัน ผู้บริโภคคาดการณ์ว่า เงินเฟ้อจะแตะระดับ 5.2% ในช่วง 1 ปีข้างหน้า โดยต่ำกว่าระดับ 5.3% ที่มีการสำรวจในเดือนที่แล้ว และเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ.