ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันอังคาร (2 ส.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อดอลลาร์ซึ่งเป็นสกุลเงินปลอดภัย ท่ามกลางความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างจีนและสหรัฐ หลังจากนางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐเดินทางเยือนไต้หวันและสร้างความไม่พอใจให้กับจีน
ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน พุ่งขึ้น 0.75% แตะที่ระดับ 106.2410
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 132.97 เยน จากระดับ 131.83 เยน และแข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9570 ฟรังก์ จากระดับ 0.9506 ฟรังก์ นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐยังแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.2855 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.2847 ดอลลาร์แคนาดา
ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.0175 ดอลลาร์ จากระดับ 1.0257 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงสู่ระดับ 1.2168 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2255 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงสู่ระดับ 0.6925 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7022 ดอลลาร์สหรัฐ
กระทรวงการต่างประเทศจีนออกแถลงการณ์ประณามสหรัฐทันทีที่นางเพโลซีเดินทางถึงไต้หวันในช่วงค่ำวานนี้ โดยระบุว่าเป็นการละเมิดหลักการจีนเดียว ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อรากฐานความสัมพันธ์ทางการเมืองระหว่างจีนและสหรัฐ รวมทั้งละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพเหนือดินแดนของจีน อีกทั้งยังทำลายเสถียรภาพและสันติภาพในช่องแคบไต้หวัน
แถลงการณ์ดังกล่าวระบุว่า จีนคัดค้านและไม่สามารถยอมรับการเดินทางเยือนไต้หวันของสมาชิกรัฐสภาสหรัฐ รวมถึงการเดินทางของนางเพโลซี ซึ่งเป็นประธานสภาคองเกรส โดยจีนจะใช้มาตรการทุกอย่างที่จำเป็นเพื่อปกป้องอธิปไตยและบูรณภาพเหนือดินแดนเพื่อตอบโต้การเดินทางเยือนไต้หวันของนางเพโลซี และสหรัฐจะต้องรับผิดชอบต่อผลที่เกิดขึ้นทั้งหมด รวมทั้งยุติการแทรกแซงกิจการภายในของจีน
นักลงทุนจับตาตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรและอัตราว่างงานประจำเดือนก.ค.ของสหรัฐในวันศุกร์นี้ เพื่อเป็นสัญญาณบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยครั้งต่อไปของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยล่าสุดเมื่อคืนนี้ สำนักงานสถิติของกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยผลสำรวจการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) พบว่า ตัวเลขการเปิดรับสมัครงาน ซึ่งเป็นมาตรวัดอุปสงค์ในตลาดแรงงาน ลดลง 605,000 ตำแหน่ง สู่ระดับ 10.7 ล้านตำแหน่งในเดือนมิ.ย. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย.2564 และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 11.14 ล้านตำแหน่ง
ทั้งนี้ ตัวเลข JOLTS นับเป็นข้อมูลที่เฟดให้ความสนใจ โดยมองว่าเป็นมาตรวัดภาวะตึงตัวในตลาดแรงงาน ซึ่งเป็นปัจจัยในการพิจารณานโยบายการเงิน และอัตราดอกเบี้ยของเฟด