สกุลเงินยูโรดีดตัวขึ้นเหนือระดับ 1 ดอลลาร์ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันอังคาร (30 ส.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนคาดว่า ธนาคารกลางยุโรป (ECB) อาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50-0.75% ในการประชุมนโยบายการเงินในเดือนก.ย.
ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.06% แตะที่ระดับ 108.7730
ยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.0024 ดอลลาร์ จากระดับ 0.9994 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 1.1658 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1703 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงสู่ระดับ 0.6857 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.6902 ดอลลาร์สหรัฐ
ดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 138.67 เยน จากระดับ 138.82 เยน แต่แข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9736 ฟรังก์ จากระดับ 0.9688 ฟรังก์ และแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.3101 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3006 ดอลลาร์แคนาดา
ยูโรแข็งค่าขึ้นหลังจากนายมาดิส มูลเลอร์ ประธานธนาคารกลางเอสโทเนีย กล่าวว่า ECB ควรปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุมวันที่ 8 ก.ย.เพื่อสกัดการพุ่งขึ้นของเงินเฟ้อ โดยขณะนี้เงินเฟ้อในยูโรโซนอยู่สูงกว่าเป้าหมายที่ 2% ของ ECB ถึง 4 เท่า
ทางด้านนางอิสซาเบล ชนาเบล กรรมการ ECB กล่าวเช่นกันว่า ECB ควรจะใช้นโยบายการเงินอย่างเข้มงวดเพื่อสกัดเงินเฟ้อ และปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยไม่น้อยกว่า 0.50% ในเดือนก.ย. แม้ว่าการดำเนินการดังกล่าวอาจส่งผลกระทบทำให้เศรษฐกิจเผชิญภาวะถดถอย
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ สำนักงานสถิติของกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยผลสำรวจการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) พบว่า ตัวเลขการเปิดรับสมัครงาน ซึ่งเป็นมาตรวัดอุปสงค์ในตลาดแรงงาน เพิ่มขึ้น 200,000 ตำแหน่ง สู่ระดับ 11.24 ล้านตำแหน่งในเดือนก.ค. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 10.3 ล้านตำแหน่ง ส่วนอัตราการเปิดรับสมัครงานดีดตัวสู่ระดับ 6.9%
ทั้งนี้ ตัวเลข JOLTS เป็นข้อมูลที่เฟดให้ความสนใจ โดยมองว่าเป็นมาตรวัดภาวะตึงตัวในตลาดแรงงาน ซึ่งเป็นปัจจัยในการพิจารณานโยบายการเงินและอัตราดอกเบี้ยของเฟด
ขณะที่ผลสำรวจของ Conference Board ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยเศรษฐกิจระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐดีดตัวขึ้นสู่ระดับ 103.2 ในเดือนส.ค. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 97.7 จากระดับ 95.3 ในเดือนก.ค.
ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐเป็นการสำรวจมุมมองของผู้บริโภค, ความเชื่อมั่นต่อสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน และในช่วง 6 เดือนข้างหน้า, สถานะการเงินส่วนบุคคล และการจ้างงาน