ยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันพุธ (7 ก.ย.) โดยได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า ECB จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุมวันนี้
ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.34% แตะที่ระดับ 109.8400
ยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์ ที่ระดับ 0.9985 ดอลลาร์ จากระดับ 0.9914 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 1.1502 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1527 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 0.6753 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.6735 ดอลลาร์สหรัฐ
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 144.13 เยน จากระดับ 142.84 เยน แต่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9782 ฟรังก์ จากระดับ 0.9843 ฟรังก์ และอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.3140 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3149 ดอลลาร์แคนาดา
ยูโรแข็งค่าขานรับการคาดการณ์ที่ว่า ECB จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุมวันนี้ โดยมีเป้าหมายที่จะสกัดเงินเฟ้อของยูโรโซนซึ่งขณะนี้อยู่สูงกว่าเป้าหมายที่ 2% ของ ECB ถึง 4 เท่า
ส่วนเงินเยนร่วงลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์ เนื่องจากนักลงทุนมองว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ สวนทางกับธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ซึ่งยังคงใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงินเป็นพิเศษ ซึ่งจะทำให้ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยระหว่างสหรัฐและญี่ปุ่นปรับตัวกว้างขึ้น
ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลง ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจที่อ่อนแอของอังกฤษ โดยธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ระบุว่า เศรษฐกิจอังกฤษจะเผชิญภาวะถดถอยยาวนานกว่า 1 ปี โดยจะเข้าสู่ภาวะถดถอยตั้งแต่ไตรมาส 4 ของปี 2565 จนถึงสิ้นปี 2566
นอกจากนี้ นักลงทุนยังกังวลเกี่ยวกับสถานะทางการคลังของอังกฤษ เนื่องจากนางลิซ ทรัสส์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษคนใหม่มีนโยบายปรับลดอัตราภาษี รวมทั้งออกมาตรการเพื่อช่วยเหลือภาคครัวเรือนของอังกฤษ