ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันศุกร์ (16 ก.ย.) ขณะที่นักลงทุนรอคอยผลการประชุมกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 20-21 ก.ย.นี้ ซึ่งตลาดคาดการณ์ว่า เฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% - 1% เพื่อสกัดเงินเฟ้อ
ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.02% แตะที่ระดับ 109.7640
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดาที่ระดับ 1.3284 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3224 ดอลลาร์แคนาดา และแข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิสที่ระดับ 0.9648 ฟรังก์ จากระดับ 0.9607 ฟรังก์ แต่ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 142.98 เยน จากระดับ 143.47 เยน
ยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.0006 ดอลลาร์ จากระดับ 0.9996 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 1.1411 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1467 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าสู่ระดับ 0.6717 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.6703 ดอลลาร์สหรัฐ
เฟดจะประชุมนโยบายการเงินเป็นเวลา 2 วันในสัปดาห์หน้า ขณะที่ข้อมูลที่บ่งชี้ว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐเพิ่มขึ้นเกินคาดในเดือนส.ค.นี้ ได้ตอกย้ำความเป็นไปได้ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยรุนแรงขึ้น
ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 86% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% สู่ระดับ 3.00-3.25% ในการประชุมวันที่ 20-21 ก.ย. และให้น้ำหนัก 14% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 1.00%
ปอนด์ร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 37 ปีเทียบดอลลาร์ในวันศุกร์ ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยของอังกฤษ หลังยอดค้าปลีกต่ำกว่าคาดในเดือนส.ค.
ปอนด์ดิ่งลงต่ำกว่าระดับ 1.14 ดอลลาร์ในวันศุกร์ แตะระดับ 1.1351 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2528
สำนักงานสถิติแห่งชาติอังกฤษ (ONS) เปิดเผยในวันศุกร์ว่า ยอดค้าปลีกของอังกฤษดิ่งลง 1.6% ในเดือนส.ค. เมื่อเทียบรายเดือน และเป็นการร่วงลงมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2564 ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าลดลงเพียง 0.5%