ปอนด์ร่วงลงใกล้ระดับต่ำสุดในรอบ 37 ปีเทียบดอลลาร์ในวันนี้ ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยของอังกฤษ
นอกจากนี้ ปอนด์ยังถูกกดดันจากการแข็งค่าของดอลลาร์ จากการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ
ทั้งนี้ ปอนด์ดิ่งลงแตะระดับ 1.1380 ดอลลาร์ในวันนี้ ใกล้แตะระดับ 1.1351 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2528
ปอนด์ร่วงลง 16% เทียบดอลลาร์นับตั้งแต่ต้นปี 2565 ส่งผลให้ปอนด์มีแนวโน้มปรับตัวย่ำแย่ที่สุดในปีนี้นับตั้งแต่ปี 2559 ซึ่งเป็นปีที่อังกฤษทำประชามติแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (EU)
สำนักงานสถิติแห่งชาติอังกฤษ (ONS) เปิดเผยในวันศุกร์ว่า ยอดค้าปลีกของอังกฤษดิ่งลง 1.6% ในเดือนส.ค. เมื่อเทียบรายเดือน และเป็นการร่วงลงมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2564 ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าลดลงเพียง 0.5%
ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ระบุก่อนหน้านี้ว่า เศรษฐกิจอังกฤษจะเผชิญภาวะถดถอยยาวนานกว่า 1 ปี โดยจะเข้าสู่ภาวะถดถอยตั้งแต่ไตรมาส 4 ของปี 2565 จนถึงสิ้นปี 2566
BoE คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจอังกฤษจะเผชิญภาวะถดถอยนานถึง 5 ไตรมาส ซึ่งเป็นช่วงเวลายาวนานที่สุดนับตั้งแต่ที่เศรษฐกิจโลกเผชิญวิกฤตการเงิน โดยรายได้ในภาคครัวเรือนของอังกฤษจะทรุดตัวลงอย่างหนักในปี 2565-2566 ขณะที่การบริโภคเริ่มหดตัว
นอกจากนี้ หลายฝ่ายกังวลต่อสถานะทางการคลังของอังกฤษ เนื่องจากนางลิซ ทรัสส์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ มีนโยบายปรับลดอัตราภาษี รวมทั้งออกมาตรการเพื่อช่วยเหลือภาคครัวเรือนของอังกฤษ
นักลงทุนจับตาการประชุมนโยบายการเงินของ BoE ในวันพฤหัสบดี โดยคาดว่า BoE จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมครั้งนี้
ก่อนหน้านี้ BoE มีมติ 8-1 ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% สู่ระดับ 1.75% ในการประชุมเมื่อวันที่ 4 ส.ค. โดยเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 27 ปี หรือนับตั้งแต่ปี 2538 ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อ และเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยติดต่อกันเป็นครั้งที่ 6 นับตั้งแต่เดือนธ.ค.2564 ส่งผลให้ขณะนี้อัตราดอกเบี้ยนโยบายของ BoE แตะระดับสูงสุดในรอบ 14 ปี หรือนับตั้งแต่ปี 2551