ดอลลาร์กลับมาแข็งค่าเทียบสกุลเงินหลักในวันนี้ หลังอ่อนค่าวานนี้จากการแทรกแซงตลาดของธนาคารกลางอังกฤษ (BoE)
ณ เวลา 20.31 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงินบวก 0.15% สู่ระดับ 112.77 ขณะที่ดอลลาร์แข็งค่า 0.25% สู่ระดับ 144.52 เยน ส่วนยูโรปรับตัวขึ้น 0.26% สู่ระดับ 140.70 เยน และอ่อนค่า 0.03% สู่ระดับ 0.973 ดอลลาร์
ทั้งนี้ BoE ประกาศรับซื้อพันธบัตรรัฐบาลโดยไม่จำกัดจำนวนเพื่อสร้างเสถียรภาพในตลาดการเงิน
นักวิเคราะห์ระบุว่า ดอลลาร์ยังคงมีทิศทางแข็งค่าในระยะยาว โดยได้แรงหนุนจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ
ขณะเดียวกัน ปอนด์กลับมาอ่อนค่าเทียบดอลลาร์ หลังดีดตัวขึ้นวานนี้จากการแทรกแซงตลาดของ BoE
ทั้งนี้ นักลงทุนแห่เทขายพันธบัตรรัฐบาลอังกฤษ หลังจากที่เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว รัฐบาลเปิดเผยมาตรการปรับลดภาษีครั้งใหญ่ รวมทั้งมาตรการเยียวยาภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการพุ่งขึ้นของราคาพลังงาน ทำให้เกิดความวิตกต่อสถานะทางการคลังของอังกฤษจากการก่อหนี้เพิ่มขึ้นของรัฐบาล
การแห่เทขายพันธบัตรรัฐบาลดังกล่าว ทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 30 ปีพุ่งขึ้นวานนี้เหนือระดับ 5% เป็นครั้งแรกในรอบ 20 ปี หรือนับตั้งแต่ปี 2545 ก่อนที่จะปรับตัวลงหลัง BoE ประกาศมาตรการแทรกแซงตลาด
นักวิเคราะห์ระบุว่า การแทรกแซงตลาดของ BoE เป็นปัจจัยหนุนปอนด์เพียงชั่วคราว ขณะที่ BoE ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพียง 0.50% ในการประชุมสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งสร้างความผิดหวังต่อนักลงทุนที่คาดว่า BoE จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% โดย BoE ไม่มีแผนจัดการประชุมฉุกเฉินก่อนประชุมนโยบายการเงินครั้งต่อไปในวันที่ 3 พ.ย. และอีกครั้งในวันที่ 15 ธ.ค. ซึ่งหลายฝ่ายมองว่าอาจช้าเกินไปในการแก้ไขปัญหาการดิ่งลงของปอนด์
ทั้งนี้ ปอนด์ร่วงลงแตะระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อเทียบกับดอลลาร์ก่อนหน้านี้ เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานะทางการคลังของรัฐบาลอังกฤษ หลังจากรัฐบาลเปิดเผยมาตรการปรับลดภาษีครั้งใหญ่ในสัปดาห์ที่แล้ว
นอกจากนี้ ปอนด์ยังถูกกดดันหลังจากที่ BoE ระบุว่า เศรษฐกิจอังกฤษจะเผชิญภาวะถดถอยยาวนานกว่า 1 ปี โดยจะเข้าสู่ภาวะถดถอยตั้งแต่ไตรมาส 4 ของปี 2565 จนถึงสิ้นปี 2566
BoE คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจอังกฤษจะเผชิญภาวะถดถอยนานถึง 5 ไตรมาส ซึ่งเป็นช่วงเวลายาวนานที่สุดนับตั้งแต่ที่เศรษฐกิจโลกเผชิญวิกฤตการเงิน โดยรายได้ในภาคครัวเรือนของอังกฤษจะทรุดตัวลงอย่างหนักในปี 2565-2566 ขณะที่การบริโภคเริ่มหดตัว