ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเพียงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันอังคาร (11 ต.ค.) ขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐในวันพรุ่งนี้ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.06% แตะที่ระดับ 113.2150
ยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 0.9712 ดอลลาร์ จากระดับ 0.9706 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงสู่ระดับ 1.1025 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1058 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 0.6267 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.6298 ดอลลาร์สหรัฐ
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 145.85 เยน จากระดับ 145.67 เยน และแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.3812 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3758 ดอลลาร์แคนาดา แต่ดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9976 ฟรังก์ จากระดับ 0.9994 ฟรังก์
นักลงทุนจับตารายงานการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประจำเดือนก.ย.ในวันที่ 12 ต.ค. และตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ในวันที่ 13 ต.ค. เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟด
ทั้งนี้ นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ดัชนี CPI ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค จะปรับตัวขึ้น 8.1% ในเดือนก.ย. เมื่อเทียบรายปี จากระดับ 8.3% ในเดือนส.ค.
นอกจากนี้ คาดว่าดัชนี CPI พื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน จะเพิ่มขึ้น 6.5% โดยสูงกว่าระดับ 6.3% ในเดือนส.ค.
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ สหพันธ์ธุรกิจอิสระแห่งชาติสหรัฐ (NFIB) รายงานว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของธุรกิจขนาดย่อมปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 92.1 ในเดือนก.ย. โดยปรับตัวขึ้นเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกัน และสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 91.8
อย่างไรก็ดี ดัชนีความเชื่อมั่นยังคงถูกกดดันจากความวิตกเกี่ยวกับเงินเฟ้อ และการขาดแคลนแรงงาน ขณะที่เจ้าของกิจการลดความเชื่อมั่นต่อภาวะเศรษฐกิจในช่วง 6 เดือนข้างหน้า