ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: ปอนด์แข็งค่า รับข่าวนายกฯอังกฤษลาออก

เงินปอนด์แข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันพฤหัสบดี (20 ต.ค.) หลังจากนางลิซ ทรัสส์ ประกาศลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอังกฤษ

ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.1% แตะที่ 112.8700

เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะที่ระดับ 1.1216 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1214 ดอลลาร์ ขณะที่ยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 0.9785 ดอลลาร์ จากระดับ 0.9771 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นแตะที่ระดับ 0.6281 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.6270 ดอลลาร์สหรัฐ

ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 1.0039 ฟรังก์ จากระดับ 1.0041 ฟรังก์ และอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.3763 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3764 ดอลลาร์แคนาดา แต่ดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 150.15 เยน จากระดับ 149.89 เยน

นางลิซ ทรัสส์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ประกาศลาออกจากตำแหน่งผู้นำพรรคอนุรักษ์นิยมเมื่อวานนี้ ส่งผลให้นางทรัสส์พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอังกฤษโดยอัตโนมัติ นอกจากนี้ การลาออกดังกล่าว ทำให้นางทรัสส์กลายเป็นนายกรัฐมนตรีอังกฤษที่ดำรงตำแหน่งน้อยที่สุดเพียง 44 วัน

การประกาศลาออกดังกล่าวมีขึ้นท่ามกลางมรสุมทางการเมืองในอังกฤษ หลังจากที่ก่อนหน้านี้ นางทรัสส์ได้กล่าวขอโทษสำหรับความผิดพลาดในการประกาศมาตรการปรับลดภาษีวงเงิน 4.5 หมื่นล้านปอนด์ ซึ่งสร้างความปั่นป่วนให้กับตลาดการเงินทั่วโลก และบั่นทอนความเชื่อมั่นของนักลงทุน

ส่วนดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงหลังจากการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอ โดยสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) เปิดเผยว่า ยอดขายบ้านมือสองลดลง 1.5% สู่ระดับ 4.71 ล้านยูนิตในเดือนก.ย. เมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย. 2555 และเป็นการปรับตัวลงเป็นเดือนที่ 8 ติดต่อกัน โดยได้รับผลกระทบจากการพุ่งขึ้นของราคาบ้านและอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนอง

ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาฟิลาเดลเฟีย เปิดเผยดัชนีภาคการผลิตในภูมิภาคมิด-แอตแลนติก ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ -8.7 ในเดือนต.ค. จากระดับ -9.9 ในเดือนก.ย. อย่างไรก็ดี ดัชนีภาคการผลิตดังกล่าวต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ -5.0

นอกจากนี้ ดัชนีปรับตัวต่ำกว่าระดับ 0 บ่งชี้ว่า ภาคการผลิตในภูมิภาคมิด-แอตแลนติกอยู่ในภาวะหดตัว โดยหดตัวเป็นเดือนที่ 4 ในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมา