เยนยังคงอ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่องในวันนี้ โดยล่าสุดดิ่งลงทะลุ 151 เยน/ดอลลาร์ แตะระดับต่ำสุดครั้งใหม่ในรอบ 32 ปี
อย่างไรก็ดี รัฐบาลญี่ปุ่นยังคงไม่ได้เข้าแทรกแซงตลาดแต่อย่างใด แม้ก่อนหน้านี้มีการคาดการณ์ว่าญี่ปุ่นจะดำเนินการในวันนี้ หลังจากเยนทรุดตัวลงวานนี้ทะลุ 150 เยน/ดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับสำคัญทางจิตวิทยา
ณ เวลา 17.47 น.ตามเวลาไทย เยนร่วงลง 0.78% สู่ระดับ 151.31 เทียบดอลลาร์
ทั้งนี้ ดอลลาร์ปรับตัวขึ้นสอดคล้องกับการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีแตะระดับสูงสุดในรอบ 14 ปี ขานรับถ้อยแถลงของนายแพทริก ฮาร์เกอร์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาฟิลาเดลเฟีย ซึ่งสนับสนุนให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป
นายฮาร์เกอร์กล่าวว่า การที่เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงที่ผ่านมาแทบไม่สามารถสกัดการพุ่งขึ้นของเงินเฟ้อ ดังนั้นเฟดจำเป็นต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป
"เราต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปอีกระยะหนึ่ง เนื่องจากเรารู้สึกผิดหวังต่อการขาดความคืบหน้าในการสกัดเงินเฟ้อ ผมคาดว่าเราต้องปรับอัตราดอกเบี้ยให้สูงกว่าระดับ 4% ภายในปลายปีนี้" นายฮาร์เกอร์กล่าว
นักลงทุนคาดการณ์ว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุมกำหนดนโยบายการเงินในเดือนพ.ย.และธ.ค. ซึ่งจะเป็นการปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.75% ติดต่อกัน 5 ครั้ง หลังจากปรับขึ้น 0.75% ในเดือนมิ.ย.,ก.ค.และก.ย. ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยของเฟดจะพุ่งแตะระดับ 4.50-4.75% ในสิ้นปีนี้
นายชูนิจิ ซูซูกิ รัฐมนตรีคลังญี่ปุ่น กล่าววานนี้ว่า รัฐบาลญี่ปุ่นจะดำเนินมาตรการที่ "เด็ดขาด" เพื่อรับมือกับความผันผวนของเยน โดยถ้อยแถลงดังกล่าว นับเป็นคำเตือนที่รุนแรงที่สุดของนายซูซูกิเกี่ยวกับการแทรกแซงตลาด
ก่อนหน้านี้ รัฐบาลญี่ปุ่นได้เข้าแทรกแซงตลาดปริวรรตเงินตราในเดือนก.ย. โดยใช้วงเงิน 2.8 ล้านล้านเยน (1.9 หมื่นล้านดอลลาร์) ด้วยการเข้าซื้อเยนและเทขายดอลลาร์ หลังจากเยนดิ่งลงแตะ 145.90 เทียบดอลลาร์
อย่างไรก็ดี ผู้เชี่ยวชาญไม่คาดว่าการแทรกแซงตลาดของรัฐบาลญี่ปุ่นจะมีประสิทธิภาพในการหนุนค่าเงินเยนในระยะยาว ตราบใดที่ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ยังคงใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงินเป็นพิเศษ สวนทางธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ ทำให้ช่องว่างอัตราดอกเบี้ยระหว่างสหรัฐและญี่ปุ่นขยายกว้างขึ้นต่อไป