สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานในวันศุกร์ (28 ต.ค.) ว่า การที่บิตคอยน์สามารถยืนอยู่เหนือระดับ 20,000 ดอลลาร์ได้ 4 วันติดต่อกันนั้น ทำให้บรรดานักค้าคริปโทเคอร์เรนซีมีความหวังว่า ถึงเวลาแล้วที่บิตคอยน์จะฟื้นตัวเข้าสู่ช่วงขาขึ้นหลังจากที่ทรุดตัวลงเกือบทั้งปีนี้
เมื่อวันอังคาร (25 ต.ค.) บิตคอยน์ซึ่งเป็นสกุลเงินดิจิทัลใหญ่ที่สุดตามมูลค่าตลาด พุ่งขึ้นเหนือระดับ 20,000 ดอลลาร์ และเมื่อเช้าวันศุกร์ (28 ต.ค.) ที่ตลาดนิวยอร์ก บิตคอยน์ก็ยังไม่หลุดลงต่ำกว่าระดับดังกล่าว
ทั้งนี้ การปรับตัวขึ้นเหนือระดับ 20,000 ดอลลาร์ ถือเป็นการสิ้นสุดภาวะตกต่ำนานเกือบ 3 สัปดาห์ ซึ่งทำให้บิตคอยน์ร่วงลงต่ำกว่าระดับสำคัญดังกล่าวยาวนานที่สุดนับตั้งแต่ปลายปี 2563
ส่วนคริปโทฯ อื่น ๆ ก็ฟื้นตัวขึ้นด้วย โดยอีเธอร์ปรับตัวขึ้นเหนือระดับ 1,500 ดอลลาร์ หลังจากปรับตัวใกล้ระดับ 1,300 ดอลลาร์เกือบตลอดทั้งเดือนนี้ ขณะที่ดอจคอยน์พุ่งขึ้นราว 40% แล้วนับตั้งแต่วันอาทิตย์ที่ผ่านมา (23 ต.ค.)
ขณะที่บรรดาเทรดเดอร์คริปโทฯ ยังคงมองว่า ตลาดคริปโทฯ ในขณะนี้ ยังไม่ใช่ภาวะ Uptober อย่างที่พวกเขาคาดหวังว่าจะเห็นตลาดเป็นขาขึ้นในเดือนต.ค.ปีนี้ หลังจากที่บิตคอยน์เคยพุ่งขึ้นอย่างมากถึง 40% ในเดือนต.ค.ปีที่แล้ว แต่การปรับตัวขึ้นของบรรดาสินทรัพย์ดิจิทัลในสัปดาห์นี้ ก็ได้กระตุ้นความหวังของเหล่ากระทิงคริปโทฯ ว่า ภาวะเลวร้ายที่สุดจากแรงขายคริปโทฯ ในปีนี้ได้ผ่านพ้นไปแล้ว
แมตต์ ฮูแกน หัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุนของบิตไวซ์ แอสเซต แมเนจเมนต์กล่าวว่า "ตลาดคริปโทฯ มีความคืบหน้าด้านปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา" โดยเขาบ่งชี้ถึงความสำเร็จในการอัปเกรดเครือข่ายอีเธอเรียม และความคืบหน้าด้านกฎระเบียบ
"แต่ปัจจัยพื้นฐานเหล่านั้นยังไม่ได้สะท้อนในราคาคริปโทฯ" ฮูแกนระบุ
อย่างไรก็ตาม ขณะที่ผู้สนับสนุนบิตคอยน์บางคนพร้อมที่จะประกาศถึงการสิ้นสุดของภาวะตลาดหมี หรือ ฤดูหนาวของคริปโทฯ (Crypto Winter) ครั้งล่าสุดนี้ ก็ยังมีนักวิเคราะห์อย่างน้อยหนึ่งคนที่แสดงความไม่แน่ใจ
แคธี สต็อกตัน ผู้ร่วมก่อตั้งแฟร์ลีด สตราตีจีส์ (Fairlead Strategies) กล่าวว่า "เราเตือนเกี่ยวกับการเกิดแนวโน้มในทางตรงกันข้าม เนื่องจากการทะยานขึ้นในภาวะตลาดหมีมักเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและรุนแรง ซึ่งทำให้เป็นการยากที่การทะยานขึ้นนั้นจะเป็นไปอย่างยั่งยืน"