ดอลลาร์แข็งค่าเทียบสกุลเงินหลัก สอดคล้องกับการดีดตัวขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ หลังธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ
ณ เวลา 18.52 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน บวก 1.44% สู่ระดับ 112.94 ขณะที่ดอลลาร์ดีดตัว 0.22% สู่ระดับ 148.22 เยน และแข็งค่า 0.754% สู่ระดับ 0.974 เทียบยูโร
เฟดจัดการประชุมนโยบายการเงินวานนี้ โดยมีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ และส่งสัญญาณว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพียง 0.50% ในเดือนธ.ค.
อย่างไรก็ดี นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด กล่าวแสดงความมุ่งมั่นในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปเพื่อสกัดเงินเฟ้อ
คำกล่าวของนายพาวเวลส่งผลให้นักลงทุนคาดว่าวงจรการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดจะยาวนานกว่าที่คาดไว้ ขณะที่ตลาดปรับเพิ่มคาดการณ์เพดานสูงสุดของอัตราดอกเบี้ยของเฟดที่ระดับ 5% หรือสูงกว่านั้นในปีหน้า จากเดิมคาดการณ์ที่ระดับ 4.50-4.75%
ปอนด์ดิ่งลงในวันนี้ โดยถูกกดดันจากการแข็งค่าของดอลลาร์ แม้มีการคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งใหญ่ในการประชุมนโยบายการเงินในวันนี้
ณ เวลา 18.07 น.ตามเวลาไทย ปอนด์ดิ่งลง 1.15% สู่ระดับ 1.126 ดอลลาร์ และร่วงลง 0.41% สู่ระดับ 0.865 เทียบยูโร
นักลงทุนคาดการณ์ว่า BoE จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุมวันนี้ ซึ่งจะเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งใหญ่ที่สุดของ BoE ในรอบ 33 ปี หรือนับตั้งแต่ปี 2532 และจะเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยติดต่อกันเป็นครั้งที่ 8 นับตั้งแต่เดือนธ.ค.2564 หลังจากเงินเฟ้อพุ่งทะลุ 10% ในเดือนก.ย. แตะระดับสูงสุดในรอบ 40 ปี
อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์คาดว่า BoE จะไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปในเชิงรุกเหมือนธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เนื่องจากเศรษฐกิจอังกฤษยังคงอ่อนแอ โดย BoE เตือนว่าเศรษฐกิจอังกฤษจะเผชิญภาวะถดถอยยาวนานกว่า 1 ปี โดยจะเข้าสู่ภาวะถดถอยตั้งแต่ไตรมาส 4 ของปี 2565 จนถึงสิ้นปี 2566