ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันจันทร์ (14 พ.ย.) หลังจากเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ระบุว่าเฟดจะยังคงเดินหน้าต่อสู้กับเงินเฟ้อ ขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้ผลิต
ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.34% แตะที่ 106.6590
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 139.88 เยน จากระดับ 138.53 เยน และแข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9415 ฟรังก์ จากระดับ 0.9412 ฟรังก์ นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐยังแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.3286 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3248 ดอลลาร์แคนาดา และแข็งค่าเมื่อเทียบกับโครนาสวีเดน ที่ระดับ 10.4512 โครนา จากระดับ 10.3512 โครนา
ส่วนยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.0354 ดอลลาร์ จากระดับ 1.0366 ดอลลาร์ และเงินปอนด์อ่อนค่าลงสู่ระดับ 1.1779 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.1854 ดอลลาร์สหรัฐ
นายคริสโตเฟอร์ วอลเลอร์ หนึ่งในคณะผู้ว่าการเฟด กล่าวว่า เฟดจะไม่ผ่อนคลายมาตรการต่อสู้กับเงินเฟ้อ แม้ว่าเงินเฟ้อปรับตัวต่ำกว่าคาดในเดือนต.ค. เนื่องจากตัวเลขดังกล่าวมาจากข้อมูลเพียงชุดเดียว และเฟดจำเป็นต้องพิจารณาข้อมูลในวงกว้างเพื่อให้มั่นใจว่าเงินเฟ้อได้ชะลอตัวลงอย่างแท้จริง
ทั้งนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค ปรับตัวขึ้น 7.7% ในเดือนต.ค. เมื่อเทียบรายปี ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 7.9% และชะลอตัวจากระดับ 8.2% ในเดือนก.ย.
นักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ประจำเดือนต.ค.ของสหรัฐในวันนี้ เพื่อหาสัญญาณที่ชัดเจนเกี่ยวกับแนวโน้มเงินเฟ้อและทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟด