ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันศุกร์ (18 พ.ย.) หลังจากเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้ออกมากล่าวสนับสนุนให้เฟดเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกเพื่อสกัดเงินเฟ้อ
ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.22% แตะที่ 106.9300
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 140.36 เยน จากระดับ 140.23 เยน และแข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิสที่ระดับ 0.9531 ฟรังก์ จากระดับ 0.9520 ฟรังก์ นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐยังแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดาที่ระดับ 1.3384 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3331 ดอลลาร์แคนาดา และแข็งค่าเมื่อเทียบกับโครนาสวีเดนที่ระดับ 10.6243 โครนา จากระดับ 10.6177 โครนา
ส่วนยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์ที่ระดับ 1.0331 ดอลลาร์ จากระดับ 1.0368 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าแตะที่ระดับ 1.1890 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1851 ดอลลาร์
ดอลลาร์แข็งค่าขึ้น โดยได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปหลังเจ้าหน้าที่เฟดเรียกร้องให้มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ
นางซูซาน คอลลินส์ ประธานเฟดสาขาบอสตันเปิดเผยเมื่อวันศุกร์ว่า แทบไม่มีหลักฐานว่าแรงกดดันด้านราคากำลังปรับตัวลง ดังนั้นเฟดอาจจำเป็นต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.75% เพื่อควบคุมเงินเฟ้อ
ด้านนายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานเฟดสาขาเซนต์หลุยส์กล่าวเมื่อวันพฤหัสบดีว่า อัตราดอกเบี้ยนโยบายในขณะนี้ยังไม่ได้อยู่ในกรอบที่ถือว่ามีการคุมเข้มมากเพียงพอ
"แม้ว่าเฟดได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยขึ้นสู่กรอบ 3.75% - 4.00% ในปีนี้ แต่ก็ยังต่ำกว่าระดับที่เฟดมองว่ามีการคุมเข้มมากพอที่จะฉุดเงินเฟ้อให้กลับสู่เป้าหมายที่ระดับ 2% ซึ่งกรอบอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับคุมเข้มอย่างมีประสิทธิภาพก็คือ 5% - 7%" นายบูลลาร์ดกล่าว