ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันศุกร์ (25 พ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนพากันเข้าซื้อดอลลาร์ในฐานะสกุลเงินปลอดภัย ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในจีน
ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.13% แตะที่ 105.9590
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 139.03 เยน จากระดับ 138.46 เยน และแข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิสที่ระดับ 0.9445 ฟรังก์ จากระดับ 0.9427 ฟรังก์ นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐยังแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดาที่ระดับ 1.3374 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3335 ดอลลาร์แคนาดา และแข็งค่าเมื่อเทียบกับโครนาสวีเดนที่ระดับ 10.4091 โครนา จากระดับ 10.3956 โครนา
ส่วนยูโรอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.0414 ดอลลาร์ จากระดับ 1.0417 ดอลลาร์ และเงินปอนด์อ่อนค่าแตะที่ระดับ 1.2094 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2118 ดอลลาร์
การซื้อขายเป็นไปอย่างซบเซา ขณะที่สภาพคล่องอยู่ในระดับต่ำ เนื่องจากนักลงทุนชะลอการซื้อขายในช่วงเทศกาลวันหยุด หลังจากตลาดปิดทำการในวันพฤหัสบดี (24 พ.ย.) เนื่องในวันขอบคุณพระเจ้า และปิดทำการครึ่งวันในวันศุกร์
อย่างไรก็ดี ดอลลาร์ถูกกดดันจากการเปิดเผยรายงานการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งส่งสัญญาณชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
ทั้งนี้ รายงานการประชุมเฟดประจำวันที่ 1-2 พ.ย. ระบุว่า เฟดมองเห็นความคืบหน้าในการต่อสู้กับเงินเฟ้อ และจะชะลออัตราการปรับขึ้นดอกเบี้ยในช่วงปลายปีนี้ไปจนถึงปีหน้า
บรรดานักลงทุนคาดว่า เฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมวันที่ 13-14 ธ.ค. หลังจากปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ติดต่อกัน 4 ครั้งก่อนหน้านี้
ตลาดจะจับตาการเปิดเผยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 3 ของสหรัฐในวันที่ 30 พ.ย. รวมทั้งตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรในวันที่ 2 ธ.ค.