ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: ดอลล์แข็งค่า ขานรับดอกเบี้ยสหรัฐขาขึ้น

ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันศุกร์ (16 ธ.ค.) หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และธนาคารกลางรายใหญ่ต่าง ๆ ส่งสัญญาณเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปเพื่อสกัดเงินเฟ้อ

ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.14% แตะที่ระดับ 104.7030

ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิสที่ระดับ 0.9333 ฟรังก์ จากระดับ 0.9282 ฟรังก์, แข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดาที่ระดับ 1.3690 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3650 ดอลลาร์แคนาดา และแข็งค่าเมื่อเทียบกับโครนาสวีเดนที่ระดับ 10.3966 จากระดับ 10.3259 โครนาสวีเดน แต่ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 136.58 เยน จากระดับ 137.73 เยน

ส่วนยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์ที่ระดับ 1.0602 ดอลลาร์ จากระดับ 1.0634 ดอลลาร์ และเงินปอนด์อ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 1.2169 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2190 ดอลลาร์

ธนาคารกลางยุโรป (ECB), ธนาคารกลางสวิตเซอร์แลนด์ (SNB) และธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ต่างก็ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในวันพฤหัสบดี (15 ธ.ค.) หลังจากที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.50% ด้วยเช่นกันในวันพุธ (14 ธ.ค.)

ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นขานรับ (เฟด) ส่งสัญญาณเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ

ทั้งนี้ คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟด (FOMC) มีมติเป็นเอกฉันท์ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.50% สู่ระดับ 4.25-4.50% ในการประชุมสัปดาห์นี้ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 15 ปี

ในการคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Dot Plot) เจ้าหน้าที่เฟดคาดว่าจะยังคงปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปในปี 2566 และจะไม่มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยจนกว่าจะถึงปี 2567 โดยเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสูงสุดสู่ระดับ 5.1% ในปีหน้า ซึ่งสูงกว่าคาดการณ์เดิมของตลาด และจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับดังกล่าวเป็นระยะเวลาหนึ่ง เพื่อจับตาดูผลกระทบของการคุมเข้มนโยบายการเงินที่มีต่อเศรษฐกิจสหรัฐ

ด้าน ECB, SNB และ BoE ต่างก็ประกาศเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปเช่นกันเพื่อสกัดเงินเฟ้อ