ดอลลาร์กลับมาแข็งค่า หลัง BOJ ช็อกตลาดฉุดค่าเงินทรุดหนักวานนี้

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday December 21, 2022 19:12 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดอลลาร์กลับมาแข็งค่าเทียบสกุลเงินหลักในวันนี้ หลังดิ่งลงวานนี้ ท่ามกลางความตื่นตระหนกเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงินของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ)

ณ เวลา 18.53 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน บวก 0.16% สู่ระดับ 104.13 ขณะที่ดอลลาร์ดีดตัว 0.11% สู่ระดับ 131.85 เยน และปรับตัวขึ้น 0.08% สู่ระดับ 1.061 เทียบยูโร

ดอลลาร์ทรุดตัวลงเกือบ 4% แตะระดับต่ำสุดรอบ 4 เดือนเทียบเยนในการซื้อขายวานนี้ หลัง BOJ สร้างความประหลาดใจต่อตลาดด้วยการประกาศขยายกรอบอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล ซึ่งทำให้นักลงทุนกังวลว่าญี่ปุ่นจะหันมาใช้นโยบายคุมเข้มทางการเงินตามรอยธนาคารกลางทั่วโลก

ทั้งนี้ แม้ BOJ ยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายระยะสั้นที่ระดับ -0.1% และตรึงอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีไว้ที่ 0% ในการประชุมนโยบายการเงินวานนี้ แต่ BOJ ได้ตัดสินใจขยายกรอบอัตราผลตอบแทนพันธบัตรให้เคลื่อนไหวในช่วง -0.5% ถึง +0.5% จากเดิมที่อยู่ในกรอบ -0.25% ถึง +0.25%

ขณะเดียวกัน สื่อรายงานว่า รัฐบาลญี่ปุ่นเตรียมหารือกับ BOJ เพื่อปรับเป้าหมายอัตราเงินเฟ้อที่ระดับ 2% เพื่อให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้น หลังจากมีการกำหนดเป้าหมายเงินเฟ้อที่ระดับดังกล่าวเป็นเวลานานเกือบ 10 ปี

แหล่งข่าวระบุว่า นายฟูมิโอะ คิชิดะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น จะหารือประเด็นดังกล่าวกับผู้ว่าการ BOJ คนใหม่ในเดือนเม.ย.ปีหน้า หลังจากที่เข้ารับตำแหน่งต่อจากนายฮารุฮิโกะ คุโรดะ ผู้ว่าการ BOJ คนปัจจุบัน

ทั้งนี้ รัฐบาลญี่ปุ่นภายใต้การนำของนายชินโซ อาเบะ อดีตนายกรัฐมนตรี ได้จัดทำแถลงการณ์ร่วมกับ BOJ ในปี 2556 โดยระบุถึงความมุ่งมั่นในการบรรลุเป้าหมายเงินเฟ้อที่ระดับ 2% เพื่อแก้ไขปัญหาเงินฝืดในขณะนั้น

นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า หากญี่ปุ่นทำการปรับเป้าหมายเงินเฟ้อดังกล่าวก็จะเป็นปัจจัยหนุนให้เยนแข็งค่าขึ้น หลังจากที่ถูกกดดันให้อ่อนค่าเป็นเวลานานจากการที่ญี่ปุ่นใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายเป็นพิเศษเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งส่งผลให้ BOJ ต้องตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำ สวนกระแสธนาคารกลางทั่วโลกที่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ

นักลงทุนจับตาดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ของสหรัฐในวันศุกร์นี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่า ดัชนี PCE จะบ่งชี้ว่าอัตราเงินเฟ้อได้ผ่านจุดสูงสุดแล้ว

ทั้งนี้ ผลการสำรวจนักวิเคราะห์คาดว่า ดัชนี PCE ทั่วไป ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 5.5% ในเดือนพ.ย. เมื่อเทียบรายปี โดยชะลอตัวจากระดับ 6.0% ในเดือนต.ค.

เมื่อเทียบรายเดือน คาดว่าดัชนี PCE ทั่วไปปรับตัวขึ้น 0.1% ในเดือนพ.ย. จากระดับ 0.3% ในเดือนต.ค.

นอกจากนี้ ดัชนี PCE พื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน และเป็นมาตรวัดอัตราเงินเฟ้อที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้ความสำคัญ คาดว่าปรับตัวขึ้น 4.7% ในเดือนพ.ย. เมื่อเทียบรายปี โดยชะลอตัวจากระดับ 5.0% ในเดือนต.ค.

เมื่อเทียบรายเดือน คาดว่าดัชนี PCE พื้นฐานปรับตัวขึ้น 0.2% ในเดือนพ.ย. ไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือนต.ค.

ทั้งนี้ ดัชนี PCE ถือเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่สามารถตรวจจับการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมของผู้บริโภค และครอบคลุมราคาสินค้าและบริการในวงกว้างมากกว่าข้อมูลดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) จากกระทรวงแรงงานสหรัฐ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ