ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันพุธ (22 ก.พ.) หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยรายงานการประชุมซึ่งบ่งชี้ว่า กรรมการเฟดส่วนใหญ่สนับสนุนให้คณะกรรมการเฟดเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ
ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.39% แตะที่ 104.5801
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9315 ฟรังก์ จากระดับ 0.9274 ฟรังก์ และแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.3565 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3533 ดอลลาร์แคนาดา
นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับโครนาสวีเดน ที่ระดับ 10.4327 โครนา จากระดับ 10.3603 โครนา แต่ทรงตัวเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 134.95 เยน
ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.0601 ดอลลาร์ จากระดับ 1.0649 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 1.2037 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2109 ดอลลาร์
เฟดเปิดเผยรายงานการประชุมประจำวันที่ 31 ม.ค. - 1 ก.พ. โดยระบุว่า กรรมการเฟดมีความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อที่ยังคงสูงกว่าระดับเป้าหมาย 2% ของเฟด และตลาดแรงงานยังคงอยู่ในภาวะตึงตัวมาก ด้วยเหตุนี้เฟดควรจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปจนกว่าจะมั่นใจว่าเงินเฟ้ออยู่ในทิศทางขาลงจนแตะระดับเป้าหมาย 2% อย่างยั่งยืน ซึ่งกระบวนการดังกล่าวอาจต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง
รายงานการประชุมยังระบุด้วยว่า กรรมการเฟดส่วนใหญ่มีความเห็นตรงกันว่าควรจะชะลอความแรงในการปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้ โดยปรับขึ้นเพียง 0.25% แต่ถึงกระนั้นก็ตาม กรรมการเฟดมองว่าความเสี่ยงที่เกิดจากภาวะเงินเฟ้อสูงนั้น ยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่อาจจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงินในวันข้างหน้า และเฟดจำเป็นต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปจนกว่าจะมั่นใจว่าเงินเฟ้ออยู่ในระดับที่สามารถควบคุมได้
นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐ โดยในวันนี้จะมีการเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 4/2565 (ประมาณการครั้งที่ 2) ส่วนในวันพรุ่งนี้จะเปิดเผยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนม.ค., ยอดขายบ้านใหม่เดือนม.ค. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.พ.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน