ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันพฤหัสบดี (16 มี.ค.) หลังจากนักลงทุนคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะยุติวงจรการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดไว้ ท่ามกลางวิกฤตสภาพคล่องในระบบธนาคาร
ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน พุ่งขึ้น 1% แตะที่ระดับ 104.6299
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 133.49 เยน จากระดับ 133.50 เยน และอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดาที่ระดับ 1.3725 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3741 ดอลลาร์แคนาดา
นอกจากนี้ ดอลาร์สหรัฐยังอ่อนค่าเมื่อเทียบกับโครนาสวีเดน ที่ระดับ 10.5152 โครนา จากระดับ 10.5693 โครนา แต่ดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9298 ฟรังก์ จากระดับ 0.9285 ฟรังก์
ดอลลาร์อ่อนค่าลง หลังจากนักลงทุนคาดการณ์ว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพียง 0.25% ในการประชุมสัปดาห์หน้า และจะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนมิ.ย. เร็วกว่าที่คาดไว้ก่อนหน้านี้ว่าเฟดจะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปี 2567
ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 81.9% ที่เฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 4.75-5.00% ในการประชุมวันที่ 21-22 มี.ค. และให้น้ำหนักเพียง 18.1% ที่เฟดจะไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
ส่วนยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์ ที่ระดับ 1.0611 ดอลลาร์ จากระดับ 1.0587 ดอลลาร์ หลังจากธนาคารกลางยุโรป (ECB) มีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมเมื่อวานนี้ แม้ตลาดหุ้นดิ่งลงก่อนหน้านี้ ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับเสถียรภาพในระบบธนาคาร
การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในครั้งนี้ เป็นไปตามที่ ECB ได้ระบุไว้ในการประชุมครั้งที่แล้ว และเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งที่ 6 ติดต่อกัน