ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันพฤหัสบดี (23 มี.ค.) โดยดอลลาร์ฟื้นตัวในช่วงท้ายตลาด หลังจากที่อ่อนค่าลงในระหว่างวัน อันเนื่องมาจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณใกล้ยุติวงจรการปรับขึ้นดอกเบี้ย
ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.15% แตะที่ระดับ 102.5224
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.3701 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3697 ดอลลาร์แคนาดา และแข็งค่าเมื่อเทียบกับโครนาสวีเดน ที่ระดับ 10.3146 โครนา จากระดับ 10.2670 โครนา
อย่างไรก็ดี ดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 131.00 เยน จากระดับ 131.45 เยน และอ่อนค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9156 ฟรังก์ จากระดับ 0.9173 ฟรังก์
ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.0845 ดอลลาร์ จากระดับ 1.0879 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 1.2282 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2302 ดอลลาร์
ดอลลาร์ฟื้นตัวขึ้น หลังจากที่อ่อนค่าลงในระหว่างวัน ภายหลังจากคณะกรรมการเฟดมีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% เมื่อวันพุธ (22 มี.ค.) พร้อมกับส่งสัญญาณใกล้ยุติวงจรการปรับขึ้นดอกเบี้ย โดยการคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Dot Plot) ระบุว่า เจ้าหน้าที่เฟดคาดว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสูงสุดสู่ระดับ 5.1% ในปีนี้ ซึ่งบ่งชี้ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกเพียง 1 ครั้งในปีนี้ นอกจากนี้ คาดว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.8% ในปี 2567 และ 1.2% ในปี 2568
สำหรับความเคลื่อนไหวล่าสุดที่มีผลต่อภาวะการซื้อขายในตลาดเมื่อคืนนี้ ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) มีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 4.25% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2551 ตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้
ทั้งนี้ BoE ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งที่ 11 ติดต่อกัน หลังจากเงินเฟ้อดีดตัวขึ้นสู่ระดับ 10.4% ในเดือนก.พ. แทนที่จะปรับตัวลงตามที่มีการคาดการณ์ไว้
การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ของ BoE ครั้งล่าสุดนี้ สอดคล้องกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เมื่อวันพุธที่ผ่านมา อย่างไรก็ดี เฟดส่งสัญญาณว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกเพียง 1 ครั้งในปีนี้ ขณะที่นักลงทุนคาดว่า BoE อาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 2 ครั้ง