เงินปอนด์แข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันอังคาร (28 มี.ค.) หลังจากผู้ว่าการธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ได้แสดงความเชื่อมั่นว่าระบบธนาคารของอังกฤษไม่ได้รับผลกระทบจากการล่มสลายของธนาคารซิลิคอน วัลเลย์ แบงก์ (SVB) และเครดิต สวิส ขณะที่ดอลลาร์ยังคงอ่อนค่าลงจากการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าคาด
ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.41% แตะที่ระดับ 102.4281
เงินปอนด์แข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์ ที่ระดับ 1.2336 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2289 ดอลลาร์ ขณะที่ยูโรแข็งค่าขึ้นแตะที่ระดับ 1.0842 ดอลลาร์ จากระดับ 1.0796 ดอลลาร์
ดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 130.79 เยน จากระดับ 131.57 เยน และอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.3603 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3650 ดอลลาร์แคนาดา อย่างไรก็ดี ดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9193 ฟรังก์ จากระดับ 0.9157 ฟรังก์
เงินปอนด์แข็งค่าขึ้น หลังจากนายแอนดรูว์ เบลีย์ ผู้ว่าการ BoE กล่าวว่า ระบบธนาคารของอังกฤษไม่ได้รับผลกระทบจากการล่มสลายของธนาคารซิลิคอน วัลเลย์ แบงก์ (SVB) และเครดิต สวิส พร้อมกับกล่าวว่า BoE กำลังจับตาอย่างใกล้ชิดต่อภาวะปั่นป่วนของระบบธนาคารทั่วโลก
ธนาคารบาร์เคลย์สคาดการณ์ว่า BoE จะปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอีก 0.25% ในการประชุมเดือนพ.ค. ซึ่งจะทำให้อัตราดอกเบี้ยนโยบายของอังกฤษไปสิ้นสุดที่ 4.5%
การคาดการณ์ดังกล่าวมีขึ้น หลังเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ธนาคารกลางอังกฤษประกาศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 4.25% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2551 ตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้