ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันจันทร์ (10 เม.ย.) โดยได้ปัจจัยหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะยังคงเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.47% แตะที่ 102.5736
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 133.5860 เยน จากระดับ 132.2290 เยน และแข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9097 ฟรังก์ จากระดับ 0.9040 ฟรังก์
นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐยังแข็งค่าเมื่อเทียบกับโครนา สวีเดน ที่ระดับ 10.5313 โครนา จากระดับ 10.4588 โครนา แต่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.3508 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3514 ดอลลาร์แคนาดา
ส่วนยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.0859 ดอลลาร์ จากระดับ 1.0907 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 1.2381 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2415 ดอลลาร์
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยเมื่อวันศุกร์ (7 เม.ย.) ว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 236,000 ตำแหน่งในเดือนมี.ค. ซึ่งใกล้เคียงกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 238,000 ตำแหน่ง ส่วนอัตราการว่างงานลดลงสู่ระดับ 3.5% ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะทรงตัวที่ระดับ 3.6%
นักลงทุนมองว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรที่ออกมาใกล้เคียงกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ และอัตราการว่างงานที่ลดลงนั้น บ่งชี้ถึงภาวะตึงตัวในตลาดแรงงานสหรัฐ ซึ่งจะทำให้เฟดเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 63.4% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 5.00-5.25% ในการประชุมวันที่ 2-3 พ.ค. และให้น้ำหนักเพียง 36.6% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 4.75-5.00%
นักลงทุนจับตาข้อมูลเงินเฟ้อของสหรัฐในสัปดาห์นี้ เพื่อประเมินแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยของเฟด โดยทางการสหรัฐจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ประจำเดือนมี.ค.ในวันพุธที่ 12 เม.ย. และดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ประจำเดือนมี.ค.ในวันพฤหัสบดีที่ 13 เม.ย.