ยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันอังคาร (18 เม.ย.) หลังจีนเปิดเผยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ที่ขยายตัวแข็งแกร่งเกินคาดในไตรมาส 1/2566
ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.36% แตะที่ระดับ 101.7404
ยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.0973 ดอลลาร์ จากระดับ 1.0926 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะที่ระดับ 1.2429 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2373 ดอลลาร์
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 134.0580 เยน จากระดับ 134.39 เยน, อ่อนค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.8970 ฟรังก์ จากระดับ 0.8988 ฟรังก์, อ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.3392 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3397 ดอลลาร์แคนาดา และอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับโครนาสวีเดน ที่ระดับ 10.3073 โครนา จากระดับ 10.3568 โครนา
สำนักงานสถิติแห่งชาติจีนเปิดเผยเมื่อวานนี้ว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของจีนขยายตัว 4.5% ในไตรมาส 1 ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 4.0% โดยได้แรงหนุนจากการเปิดประเทศ และการยุติใช้นโยบายโควิดเป็นศูนย์
"ตัวเลขเศรษฐกิจจีนที่สดใสช่วยหนุนสกุลเงินตลาดเกิดใหม่ และสกุลเงินในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ รวมทั้งสกุลเงินยูโร ขณะที่ดอลลาร์จะอ่อนค่าลง" นายคริส เทอร์เนอร์ หัวหน้านักวิเคราะห์ของ ING ระบุ
นักลงทุนจับตาการแสดงความเห็นของเจ้าหน้าที่เฟด โดยล่าสุดนายราฟาเอล บอสติก ประธานเฟดสาขาแอตแลนตากล่าวในรายการ "Squawk on the Street" ของสำนักข่าว CNBC เมื่อวานนี้ว่า เขาคาดว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกเพียง 1 ครั้ง ก่อนที่จะพักการดำเนินการด้านดอกเบี้ยเพื่อพิจารณาถึงผลกระทบต่อเศรษฐกิจจากการที่เฟดใช้นโยบายคุมเข้มทางการเงิน
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจล่าสุดที่มีการรายงานเมื่อคืนนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านลดลง 0.8% ในเดือนมี.ค. สู่ระดับ 1.42 ล้านยูนิต แต่สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.40 ล้านยูนิต
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่น ๆ ของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ยอดขายบ้านมือสองเดือนมี.ค., ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตและภาคบริการขั้นต้นเดือนเม.ย.จากเอสแอนด์พี โกลบอล