ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นอย่างมากเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันจันทร์ (1 พ.ค.) เนื่องจากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยดัชนีการผลิตเดือนเม.ย.ที่ดีกว่าคาด
ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.49% แตะที่ระดับ 102.1527
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นแตะ 137.4590 เยนในวันจันทร์ (1 พ.ค.) จากระดับ 136.24 เยนในวันศุกร์ (28 เม.ย.), ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นแตะ 0.8962 ฟรังก์สวิส จาก 0.8938 ฟรังก์สวิส, ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นแตะ 1.3540 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3537 ดอลลาร์แคนาดา และดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นแตะ 10.3359 โครนาสวีเดน จาก 10.2638 โครนาสวีเดน
ส่วนยูโรอ่อนค่าลงแตะ 1.0969 ดอลลาร์ในวันจันทร์ จากระดับ 1.1017 ดอลลาร์ในวันศุกร์ และปอนด์อ่อนค่าลงแตะ 1.2487 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2563 ดอลลาร์ในวันศุกร์
ISM เปิดเผยในวันจันทร์ (1 พ.ค.) ว่า ดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 47.1 ในเดือนเม.ย. จากระดับ 46.3 ในเดือนมี.ค. ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 46.8
อย่างไรก็ดี ดัชนียังคงอยู่ต่ำกว่าระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ถึงภาวะหดตัวของภาคการผลิตสหรัฐ โดยเป็นการหดตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 6 แล้ว
วลาดิเมียร์ เซอร์นอฟ นักวิเคราะห์ของเอฟเอ็กซ์ เอ็มไพร์ ซึ่งเป็นบริษัทด้านข้อมูลตลาดเปิดเผยว่า ดัชนีดอลลาร์ปรับตัวขึ้น เนื่องจากนักลงทุนขานรับดัชนี PMI ภาคการผลิตของ ISM ที่ดีเกินคาด
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีพุ่งขึ้น 0.1499% ในวันจันทร์ ซึ่งหนุนดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้น
นอกจากนี้ ดอลลาร์ยังได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.25% ในการประชุมวันที่ 2-3 พ.ค.นี้