ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันพุธ (3 พ.ค.) หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.25% ตามคาด และส่งสัญญาณว่าวัฏจักรการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปัจจุบันนั้นอาจจะสิ้นสุดลง
ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.58% แตะที่ระดับ 101.3551
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักต่าง ๆ โดยแตะ 135.5070 เยนในวันพุธ จาก 136.6540 เยนในวันอังคาร, อ่อนค่าลงแตะ 0.8861 ฟรังก์สวิส จาก 0.8933 ฟรังก์สสวิส, อ่อนค่าลงแตะ 1.3594 ดอลลาร์แคนาดา จาก 1.3620 ดอลลาร์แคนาดา และอ่อนค่าลงแตะ 10.2446 โครนาสวีเดน จาก 10.3017 โครนาสวีเดน
ยูโรแข็งค่าขึ้นแตะระดับ 1.1058 ดอลลาร์สหรัฐในวันพุธ จากระดับ 1.1001 ดอลลาร์สหรัฐในวันอังคาร และปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะ 1.2561 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.2469 ดอลลาร์สหรัฐ
คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติเป็นเอกฉันท์ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.25% สู่ระดับ 5.00-5.25% ในการประชุมเมื่อวันพุธ (3 พ.ค.) ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนส.ค. 2550
ดอลลาร์ซึ่งอ่อนค่าลงก่อนการแถลงนโยบายของเฟดนั้น ปรับตัวลงรุนแรงขึ้นท่ามกลางการซื้อขายที่ผันผวนเนื่องจากมีแนวโน้มว่า เฟดจะยุติการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
บรรดานักลงทุนคาดการณ์ว่า เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในวันพุธนี้เป็นครั้งสุดท้ายสำหรับวัฏจักรปัจจุบัน