ดอลลาร์ปรับตัวแคบเทียบสกุลเงินหลัก หลังธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณยุติวงจรการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย แต่เฟดยังไม่มีแนวโน้มปรับลดอัตราดอกเบี้ย
ณ เวลา 21.31 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลบ 0.01% สู่ระดับ 101.34 ขณะที่ดอลลาร์ดีดตัว 0.26% สู่ระดับ 1.103 เทียบยูโร และอ่อนค่า 0.60% สู่ระดับ 133.86 เยน
คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟด (FOMC) มีมติเป็นเอกฉันท์ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.25% สู่ระดับ 5.00-5.25% ในการประชุมวานนี้ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนส.ค.2550
การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยดังกล่าว เป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ และเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งที่ 10 ติดต่อกันนับตั้งแต่ที่เฟดเริ่มวัฏจักรปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนมี.ค.2565 ส่งผลให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยรวม 5.00%
นอกจากนี้ เฟดส่งสัญญาณยุติวงจรปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ด้วยการยกเลิกประโยคที่เคยระบุในแถลงการณ์ก่อนหน้านี้ที่ว่า "คณะกรรมการเฟดคาดการณ์ว่าการคุมเข้มนโยบายเพิ่มเติมอาจมีความเหมาะสม" เพื่อให้เฟดบรรลุเป้าหมายเงินเฟ้อที่ระดับ 2%
อย่างไรก็ดี นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด กล่าวว่า เงินเฟ้อยังคงอยู่สูงกว่าเป้าหมาย และต้องใช้เวลากว่าจะปรับตัวลง เฟดจึงมองว่าการปรับลดอัตราดอกเบี้ยยังไม่มีความเหมาะสมในขณะนี้
ธนาคารกลางยุโรป (ECB) มีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมวันนี้ สอดคล้องกับการดำเนินการของเฟดวานนี้ และเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งที่ 7 ติดต่อกัน
นักลงทุนจับตาตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรในวันพรุ่งนี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานเพิ่มขึ้นเพียง 180,000 ตำแหน่งในเดือนเม.ย. หลังจากเพิ่มขึ้น 236,000 ตำแหน่งในเดือนมี.ค. นอกจากนี้ คาดว่าอัตราว่างงานปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 3.6% ในเดือนเม.ย.